Skip to content Skip to footer

เมื่อเทสลามาสยายปีกในไทย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การมาเปิดตลาดในไทยของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ ยักษ์ใหญ่ที่ดังทั้งรถและดังทั้งเจ้าของอย่างเทสลาของคุณอีลอน มัสก์เป็นที่ฮือฮา สมกับการรอคอยของแฟนชาวไทย เพราะแค่วันแรกที่เปิดจองก็ปิดยอด จองไปกว่า 4,000 คัน รถแบรนด์ใหญ่จากจีนที่เปิดตัวกันไปก่อน แม้จะสร้าง กระแสฮือฮาทั้งยอดจองและความแปลกใหม่ของแบรนด์ ก็ไม่ได้มีผลต่อความปัง ของเทสลาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เทสลายังทิ้งปริศนาเรื่องศูนย์บริการไว้อีก ด้วย เพราะยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าจะเป็นที่ไหน ไม่มีใครรู้ว่าบริการหลังการ ขายจะเป็นอย่างไร มิหนำาซ้ำการจองก็ผ่านช่องทางเดียว คือ “ออนไลน์ Only”

อะไรที่ทำให้แบรนด์เทสลาได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ซื้อขนาดนี้ แน่นอนว่า คงไม่ใช่แค่ความดัง (ที่ปังด้วย) ของ อีลอน มัสก์ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็กลายเป็น Talk of the World ไปเสียหมด แต่รถเทสลานั้น ผู้เขียนขอนิยามด้วยคำ 3 คำ เลยว่า “ล้ำ ลื่น แรง” เพราะเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ล้ำมาก การสัมผัสหน้าจอ และการใช้งานระบบที่ลื่นไหลไม่สะดุด และเร็วแรงสุดๆ แบบที่ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 2 วินาทีกว่าๆ! (โมเดลที่แรงที่สุดของ เทสลา) และมาพร้อมราคาเริ่มต้นที่แรงไม่แพ้ความเร็ว เพียง 1.7 ล้านบาท เทียบเท่ารถแบรนด์จีนและญี่ปุ่น ราคาดีแบบหักปากกาเซียนจนทำเอาผู้ที่ซื้อไป ก่อนจาก Grey Market มีค้อนเลยก็ว่าได้

คอลัมน์วันนี้ผู้เขียนจะไม่ขอบรรยายสรรพคุณอันยาวยืดของรถเทสลา แต่จะขอหยิบบางคอมเมนต์ที่น่าสนใจจากผู้ใช้งานจริงมาฝากคุณผู้อ่าน เผื่อว่า อาจจะเป็นข้อคิดให้คุณผู้อ่านได้พิจารณาก่อนตัดสินใจ

ดีไซน์ที่เรียบ…มากๆ

ฟังแล้วเหมือนไม่ใช่ประเด็น แต่อาจเป็นประเด็นได้สำหรับผู้ขับที่เคยชินกับ การมีปุ่มกดที่ชัดเจน เพราะรถเทสลานั้นจะสามารถสั่งการได้แทบจะทางเดียว ผ่านหน้าจอกลางที่แผงคอนโซล เช่น การปรับโหมดการขับขี่ต่างๆ การปรับแอร์ แม้กระทั่งการเปิดลิ้นชักข้างคนขับก็ต้องกดที่หน้าจอ!

รถเทสลาแทบจะไม่มีเดือยหรือปุ่มใดๆทั้งภายในและ ภายนอกรถเลย อาจจะทำให้ผู้ขับต้องปรับตัวอย่างมาก คือ เรา จะต้องละสายตาจากการขับขี่ตามปกติ เพื่อหันไปปรับการใช้ งานต่างๆที่จอกลางคอนโซล แทนที่จะกดปุ่มที่อยู่ในรถ หรือ เหลือบมองที่หน้าปัดข้างหน้า หากมองในแง่การใช้งาน ถือว่าไม่ ง่ายนัก อาจไม่ตอบโจทย์ในแง่ความปลอดภัย โดยเฉพาะมือใหม่

ระบบปฏิบัติการที่ยังไม่เปิดกว้างนัก

รถที่ล้ำขนาดนี้น่าจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ อื่นๆได้ เช่น Apple Car Play หรือ Android Auto แต่คำตอบ คือ “ไม่ได้” นะคะ ผู้ที่ซื้อไปจาก Grey Market ก่อนหน้าหลาย ท่านถึงกับต้องติดจอด้านหน้าเพิ่มตามไปเอง ซึ่งก็จะบังลมจาก แอร์ แต่ก็ต้องยอมร้อนนิดหนึ่ง อีกทั้งไม่ได้รองรับแอปยอดฮิตที่ จำเป็นสำหรับชีวิต ปัจจุบันอย่างกูเกิล แมปส์ แต่เป็น Navigator จากเทสลาเองที่ก่อนหน้านี้ไม่รองรับภาษาไทย แต่ ข่าวล่าสุดที่ออกมา เทสลาได้มีการปรับปรุงให้มีภาษาไทยแล้ว

อัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติ…ดีไปทุกอย่างจริงไหม

รถเทสลานั้นจะเรียกได้ว่าเป็น “โทรศัพท์ติดล้อ” ก็ไม่ผิดนัก เพราะเวลาที่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์ต่างๆ ตัวรถสามารถทำได้ โดยอัตโนมัติ ทำาให้รถล้ำ ทันนวัตกรรมล่าสุดอยู่เสมอ แต่… ถ้าฟังก์ชันที่เราชอบหายไปล่ะ…บางทีผู้ขับอาจจะต้องเผื่อใจไว้ ด้วยว่ารถของเรานั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตื่นมาวันหนึ่ง บาง ฟังก์ชันก็อาจอันตรธานหายไปแล้ว คิดเสียว่าเป็นโอกาสฝึก เรียนรู้ความไม่เที่ยงได้อย่างหนึ่ง…

อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ที่สนใจซื้ออาจจะต้องลุ้นสำหรับเวอร์ชันไทย คือ ฟังก์ชัน Full-self Driving ที่โด่งดัง ว่าจะใช้ได้เต็มเม็ด เต็ม หน่วยอย่างที่สหรัฐฯ หรือเปล่า หรืออาจจะใช้ได้แค่ Auto Pilot ที่ผู้ขับไม่ได้สามารถทิ้งตัวได้ขนาดนั้นเพื่อไปถึงที่หมาย

เรามาจับตากันว่า เวอร์ชันไทยที่ทางเทสลาบอกว่าจะส่ง มอบได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 นั้นจะมีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่าง กับเวอร์ชันนอกบ้างโดยเฉพาะ Summon ฟังก์ชันที่ผู้เขียนสนใจ เป็นพิเศษว่า รถเทสลานั้นจะสามารถเคลื่อนลงจากลานจอดใน ห้างเพื่อมารับเราที่หน้าห้างได้เลยนั้นจริงหรือเปล่า ตื่นเต้นแล้ว จริงๆค่ะ