Skip to content Skip to footer

ชาร์จพลังที่ “ปัว”

เมืองในฝันของคนรักภูเขา ทุ่งนา และความสงบ

หากให้นึกถึงสถานที่พักกายพักใจในแบบที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ สูดอากาศได้เต็มปอดพร้อมๆ กับได้ชมวิถีวัฒนธรรมแบบสไลว์ไลฟ์ เชื่อว่าจังหวัดน่าน ติด 1 ในลิสต์นี้แน่นอน โดยเฉพาะที่อำเภอปัว เมืองในหุบเขาที่รายล้อมด้วย พื้นที่เขียวขจีของทุ่งนาและหมอกจางๆ ในช่วงหน้าฝน

ว่าแล้ว ฉบับนี้จะขอพาทุกท่านลัดเลาะในอำเภอปัวกัน 3 วัน 2 คืน และมาดูกันว่าทำไมอำเภอปัวจึงถูกยกให้เป็นสถานที่ชาร์จพลังธรรมชาติที่รวมมนตร์เสน่ห์ของจังหวัดน่านไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมชาวไทลื้อที่เก่าแก่ ธรรมชาติที่สวยงาม และผู้คนที่น่ารักพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนเสมอ

วันแรก – สัมผัสวัฒนธรรมโบราณ สัญลักษณ์เมืองปัว

เริ่มจากวันแรก นั่งเครื่องบินมาลงท่าอากาศยานน่าน นคร ขับรถออกจากสนามบินใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีก็ถึงอำเภอปัว จุดแรกที่แวะคือ กำแพงเมืองปัว หรือ กำแพงเมืองเวียง

วรนคร (เมืองพลัว) เป็นโบราณสถาน กำแพงโบราณที่ มีอายุมากกว่า 700 ปี ก่อด้วยอิฐแดงตั้งตระหง่านสวยงาม มี ประวัติความเป็นมาของอำเภอปัวโดยย่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาอยู่ใกล้วัดพระธาตุเบ็งสกัด ซึ่งกำแพงเมืองปัวนี้เป็น หนึ่งในสัญลักษณ์ของอำเภอปัวที่ผู้คนแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมากมาย

วันที่สอง – หมอกสวย ภูเขา และสายน้ำ

เราเริ่มทริปวันที่สองด้วยการขับรถขึ้นไป ดอยสกาด เพื่อสัมผัสสายหมอกในตอนเช้า ชิมกาแฟ และชมความ งดงามของวิวภูเขาที่เป็นคลื่นสลับซับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ดอย สกาดมีชื่อเรื่องการปลูกเมี่ยงและกาแฟ เป็นที่อยู่อาศัยของ ชาวไทยภูเขาชนเผ่าลั๊วะ ตั้งบ้านเรือนเรียงรายเป็นทิวแถวบน เนินเขา ปัจจุบันโฮมสเตย์ที่ดอยสกาดถือว่าเป็นโฮมสเตย์ที่นัก ท่องเที่ยวจองกันยากมาก จองกันข้ามเดือนข้ามปี เพราะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต้องการเข้ามาสัมผัสธรรมชาติมากมาย

สถานที่แรกที่เราไปคือ สกาดคอฟฟี่ เป็นร้านกาแฟ ที่มีชื่อเสียงในดอยสกาด มีพื้นที่กว้างขวางและวิวทิวทัศน์ที่ สวยงาม เห็นภูเขาสลับซับซ้อนได้อย่างชัดเจน ขายอาหาร เครื่องดื่ม และเค้กอันแสนอร่อย โดยเฉพาะเค้กมะพร้าว หวานนุ่มกำาลังดี นอกจากร้านกาแฟแล้ว ยังมีร้านขายอาหาร ตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดโดยชาวบ้านตามทิวเขามากขึ้น วิว หลักล้านแต่ราคาย่อมเยา

วันที่สาม–ไหว้พระ ชมผ้าทอเมืองน่าน

วันสุดท้ายก่อนกลับ เราแวะที่วัดภูเก็ต กราบสักการะ “หลวงพ่อแสนปัว หรือหลวงพ่อพุทธเมตตา” ที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อ ความเป็นสิริมงคล ตั้งอยู่ในพระอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ เป็น วัดที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีระเบียงมองลงมาเป็นวิวผืนนากว้าง ขวางและเขียวขจีในช่วงหน้าฝน

Travel Trip

หากอยากเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจีและทางช้างเผือก แนะนำช่วงปลาย ฝนต้นหนาว (เดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน) หลุดจากช่วงนี้ ชาวบ้านจะเริ่มเกี่ยวข้าว และมองไม่เห็นทางช้างเผือกแล้ว

หากต้องการไปพักโฮมสเตย์ที่ดอยสกาดช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงเทศกาล ให้จองที่พักก่อนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เพราะที่พักส่วนใหญ่ถูกจองหมด

สำาหรับท่านที่จะจองรถขับ แนะนำให้จองล่วงหน้า เนื่องจากบริษัทเช่ารถยังมีน้อย เทียบกับปริมาณนักท่องเที่ยว