Skip to content Skip to footer

ผ่อนคลายที่จันทบุรี

ไปจันท์เที่ยวที่ไหนดี กินอะไรดี” เป็นคำถามที่คนไป ใกล้ตัวมักจะมาถามอยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องยอมรับเลยว่าตอบยากทีเดียว เพราะว่าจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติก็สามารถไปเที่ยวน้ำตก เดินป่ากางเต็นท์ หรือ อยากไปนั่งชิลริมทะเลก็ย่อมได้ เพราะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับทะเลอ่าวไทย ส่วนผู้ที่หลงใหลในความล้ำค่าของอัญมณี จันทบุรีก็ขึ้นชื่อ และไม่ควรพลาดที่จะชิมผลไม้สดจากสวนในจังหวัดที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองเก่าที่ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอีกด้วย

แต่ในช่วงนี้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศอย่างเป็นทางการว่าเข้าฤดูร้อนแล้ว จึงขอจัดทริปเหมาะๆให้เข้ากับสภาพอากาศสักหน่อย พาไปนอนแพที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ต่อด้วยพักผ่อนชิลริมทะเล และปิดท้ายด้วยการเที่ยวชม และชิมผลไม้จากสวน รวบรวมไพร่พลครบแล้ว เตรียมบุกเมืองจันท์กันเลย

วันแรก – นอนแพ กินปู ดูเหยี่ยว

เริ่มต้นทริปนี้กันที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ชุมชนที่มี ประวัติศาสตร์กว่า 160 ปี เริ่มแรกชุมชนนี้เป็นการตั้งรกรากของชาวจีนที่อพยพมาและสร้างบ้านเรือนในเขต ลุ่มน้ำโดยไม่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินเลย และหลังจากนั้นก็ได้มีการขยับขยายจนมาเป็นหมู่บ้านไร้แผ่นดินอย่างในปัจจุบัน

เมื่อขับรถมาตามจุดที่ปักหมุดไว้ เราจะต้องฝากรถไว้ริมฝั่ง แล้วเปลี่ยนพาหนะมานั่งเรือเร็วต่อไปยังโฮมสเตย์ที่ได้จองไว้ แค่การเดินทางเข้าไปที่พักก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว เพราะสองข้างทางจะผ่านป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ สลับกับบ้านเรือนลอยน้ำและแท่นเลี้ยงหอยนางรมเป็นระยะๆ เพียงชั่วครู่เดียวเราก็มาถึงที่พัก (ต้องยอมรับว่าเป็นเรือเร็ว สมชื่อจริงๆ) “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงาน ทักทายด้วยสำเนียงท้องถิ่นพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักบ้านเพื่อน ในตอนที่ไปถึงก็เกือบเที่ยง ทางที่พักได้ต้อนรับด้วยมื้อกลางวันเป็นอาหารท้องถิ่น รสชาติถูกปากจนต้องเติมข้าวอีกหลายทัพพี (ราคาที่จ่าย รวมอาหาร 3 มื้อ)

เมื่อได้เวลาราวบ่ายสามโมง เป็นช่วงเวลาที่นัดแนะกับทางที่พักตั้งแต่เช็กอินสำหรับกิจกรรมล่องแพเปียก เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าเป็นการไปนั่งเรือ ให้อาหารเหยี่ยว และหย่อนขาจุ่มน้ำแบบชิลๆ นั่นคือผิดถนัดเลย เพราะนี่เป็นการนั่งแพแบบรวมกลุ่มกับผู้ที่เข้ามาพักอาศัยด้วยกัน โดยมีเรือลากแพไปตามลุ่มแม่น้ำ พร้อมเปิดเพลงเสียงดังราวกับเป็นการเรียกเหยี่ยวแดงจำนวนมากออกมาโบยบินโชว์ตัว บรรยากาศบนแพครึกครื้นมาก อื้ออึงด้วยเสียงหัวเราะกัน เอิ๊กอ๊าก คุณป้าที่นั่งแพมาด้วยคงเป็นสายแดนซ์เก่า ออกสเต็ปจนลืมอายุไปเลย นอกจากจะสามารถเล่นน้ำตรงจุดนั้นได้แล้ว ใครอยากพายซับบอร์ดเขาก็มีให้บริการ

หลังจากกระโดดน้ำจากแพหลายเที่ยวจนเหนื่อยหอบ สีหน้าของแต่ละคนที่ร่วมทริปกันมายิ้มร่าราวกับว่าได้ ปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บอั้นกันตลอดปีที่ผ่านมา

และแล้วเวลาอาหารเย็นที่รอคอยก็มาถึง ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ กับบุฟเฟต์อาหารทะเลที่เติมได้ไม่อั้น ตามแต่กำลังจะสามารถ มีน้ำพริกเกลือ (น้ำจิ้มซีฟู้ด) รสเด็ด พร้อมอาหารพื้นบ้านอีกหลายเมนู เป็นการปิดคืนนี้ด้วยความสุขที่อิ่มเอมและท้องที่อิ่มแปล้

วันที่สอง – ท่องเที่ยวทะเลจันท์

มาถึงเมืองจันท์ทั้งที ไม่ไปทะเลก็เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง หลังจากที่ข้ามฝั่งกลับมาแล้วก็มุ่งหน้าไปหาดเจ้าหลาว เป็นหาดทรายละเอียดเม็ดสีแดง ระหว่างทางผ่านสะพานตากสินมหาราช หรือคนท้องถิ่นเรียกว่าสะพานแหลมสิงห์ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ทอดยาวข้ามผ่านแม่น้ำจันทบุรี เราได้แวะลงไปสูดอากาศและถ่ายภาพกันสักหน่อย จุดนี้หากมาในช่วงเย็นจะเห็นแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์สาดส่องสะท้อนกับผืนน้ำ ตัดกับแนวเทือกเขาและป่าโกงกางเป็นฉากหลัง มีบ้านเรือนและเรือประมงของชาวบ้านอยู่ไกลๆ เป็นภาพที่สวยงามมองไม่รู้เบื่อ

มื้อเที่ยงวันนี้ไปฝากท้องกันที่ร้านเรือนริมน้ำา ซีฟู้ด ร้าน อาหารทะเลสดราคาย่อมเยา ต้องขอบอกว่าเป็นร้านที่ครอบครัว พาไปกินตั้งแต่เด็กๆ รสมือยังอร่อยคงที่ เมื่อไปถึงเราเลือกนั่ง โต๊ะฝั่งริมน้ำา ดูโล่งโปร่ง มองออกไปอีกฝั่งแม่น้ำามีเรือประมง น้อยใหญ่จอดอยู่เรียงราย เราใช้เวลาตรงนี้อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะ ไปเช็กอินกันต่อ ซึ่งครั้งนี้เลือกพักที่ Maldives Beach Resort โดยเลือกห้องแบบ Garden Villa เห็นวิวทะเล แล้วอะไร จะดีไปกว่าเปิดประตูออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็สามารถสัมผัสหาด ทราย ใครใคร่ลงเล่นน้ำาทะเลก็เล่นได้ ใครอยากพายซับบอร์ดก็ เชิญตามสบาย หรือจะเดินทอดน่องโพสท่าสวยลงอินสตาแกรม ก็ทำาได้อย่างจุใจ และยังสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกได้ที่หน้า ห้องพักเลย

หลังจากที่ได้โอ้เอ้เอนกายกันอยู่สักพักใหญ่ หมุดหมายต่อไปคือจุดชมวิวเนินนางพญา จุดชมวิวยอดฮิตเป็นอีกหนึ่ง แลนด์มาร์กที่สามารถเห็นวิวทะเลได้แบบ 180 องศา และยังเห็นถนนเลียบชายหาดที่คดเคี้ยว ความโค้งได้มุมเหมาะเจาะสำหรับเป็นฉากหลังให้เราได้ถ่ายภาพเก็บเป็นความประทับใจ เรียกว่าเป็นมุมมหาชนเลยทีเดียว ปิดท้ายวันนี้ด้วยการเลือกหาร้านอาหารริมทะเล ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็น มองเห็นดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า และอิ่มหนำกับอาหารรสชาติถูกปาก เพียงเท่านี้ก็จบวันไปอย่างสวยงาม

วันที่สาม – ชมสวน ชิมผลไม้เมืองจันท์

โดยปกติแล้วตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเรื่อยไปถึงปลายเดือนสิงหาคม เป็นช่วงที่ผลไม้กำลังสุกพร้อมเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทุเรียน” และในช่วงเดือนที่มาก็ดูจะเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน ก่อนเดินทางกลับเราจึงแวะชมสวน ชิมผลไม้และซื้อของฝากกันสักหน่อย ไปกันที่ร้านป้าแกลบ ของดีเมืองจันท์ ที่นี่เป็นทั้งสวนผลไม้ โรงงานแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ศูนย์เรียนรู้ชุมชน และร้านของฝากสินค้า OTOP 5 ดาว เรียกว่าครบจบที่เดียวพอ ไปถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นกันเองเหมือนยกโขยงมา ตะลุยสวนบ้านเพื่อน ไม่รอช้า รีบเดินไปยังเป้าหมายของเรา นั่นคือสวนทุเรียน บรรยากาศร่มรื่น มองไป รอบๆ นอกจากต้นทุเรียนสุดลูกหูลูกตาแล้ว ยังแซมไปด้วยต้นมังคุดและลองกอง แต่เป็นที่น่าเสียดาย ความฝันที่จะฉีกทุเรียนนั่งกินใต้ต้นต้องถูกดับลง เพราะวันที่ไปยังไม่มีลูกที่จะสุกพร้อมกินได้ เราเลยซื้อแบบชั่งกิโลกันที่หน้าร้าน เมื่อพี่พนักงานจัดแจงปอกให้แล้วเราก็นำมากินตรงสวน พอจะได้บรรยากาศอยู่เหมือนกัน ส่วนใครไม่ถนัดกินทุเรียนสด ที่นี่มีทุเรียนทอดจำหน่าย สามารถเลือกซื้อเป็นของฝาก ได้อย่างเหมาะเจาะกับการมาเที่ยวเมืองจันท์

และนี่เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ที่ตอนแรกตั้งใจจะมาชิลๆ กินจุบจิบ แต่ที่ไหนได้ ทั้งเรื่องกิน เรื่องเที่ยว จริงจังกันเป็นที่สุด เหนือสิ่งอื่นใด อะไรจะดีไปกว่าการหาเวลาเหมาะๆมารวมตัวกันของคนคุ้นเคย แล้วออกไปใช้ชีวิตร่วมกัน เก็บความประทับใจและกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นดังเดิม…จันทบุรีเป็นเมืองสีสันของภาคตะวันออก เดินทางจากกรุงเทพฯเพียง 3 ชั่วโมงเศษ นับเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ และทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะที่เมืองจันท์ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย “ขึ้นอยู่กับว่าอยากท่องเที่ยวแบบไหน”

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 56 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่