
เที่ยวรับลมหนาว กลางเขาใหญ่
หลังจากที่ทำงานกันมาอย่างยาวนานได้เวลาออกเที่ยว เพื่อชาร์จพลังให้มีแรงขับเคลื่อนสำหรับปีถัดไปยิ่งในช่วงอากาศหนาวเช่นนี้ สถานที่ยอดฮิตที่ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก แถมมีกิจกรรมให้เลือกทำครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะสายแอดเวนเจอร์ สายชิลคาเฟ่ฮอปเปอร์ หรือกระทั่งคนที่อยากเสพกลิ่นอายยุโรปในแบบที่ไม่ต้องบินลัดฟ้า จะเป็นที่อื่นไม่ได้เลย นอกจาก “เขาใหญ่” โดยเฉพาะสายแคมปิงด้วยแล้ว เขาใหญ่ คือ ที่แรกๆที่เรามักนึกถึงเลยล่ะ
ยิ่งเดี๋ยวนี้มีรูปแบบแคมปิงแบบใหม่ ที่สะดวกสบายเสมือนพักโรงแรม แต่ก็ยังได้ฟีลผจญภัยให้คนไม่ถนัดแอดเวนเจอร์ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดได้มากขึ้น อย่างแกลมปิงด้วยแล้ว (Glamping มาจากคำาว่า GlamourousCamping) ทริปนี้เราเลยขอพาทุกท่านมาเปิดประสบการณ์แกลมปิง 3 วัน 2 คืนรับบรรยากาศลมหนาวใกล้ชิดธรรมชาติแบบเต็มๆ ให้กายและใจกลับมามีพลังเริ่มต้นสำหรับก้าวใหม่ได้อย่างแน่นอน
วันแรก – Glamping วังน้ำาเขียว
สำหรับคนไม่เคยกางเต็นท์มาก่อนก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่ Route 3060 จุดกางเต็นท์ที่วังน้ำเขียว มีบริการให้เช่าเต็นท์พร้อมกาง พร้อมอุปกรณ์การนอนฟูกหมอน ผ้าห่ม โต๊ะ เก้าอี้นั่งเล่นหน้าเต็นท์ให้เสร็จสรรพ หรือหากใครสายแคมปิง ก็สามารถนำเต็นท์มากางเองได้ เพียงเสียค่าเข้าเท่านั้น ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมสะอาดสะอ้านแยกโซนชายหญิงกระจายเป็นจุดๆทั่วลาน (Glamping บางแห่งมีห้องน้ำในตัวหรือติดแอร์ก็มีสนนราคาก็จะอัปเกรดตามความไฮโซ) มีจุดอ่างล้างจานรวมถึงมีร้านอาหารและคาเฟ่ในบริเวณลานกางเต็นท์ด้วยเรียกว่าไปแต่ตัวได้เลย
วันที่ 2 – ชมดอกไม้ & เที่ยวงาน Winter Market ที่เขาใหญ่

วันนี้หลังจากกินมื้อเช้าแบบง่ายๆ เสร็จ เราก็มุ่งหน้าไปที่ อ.ปากช่องใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เพื่อไปเที่ยวงาน Winter Market ที่จะมีในตอนเย็น ระหว่างรอเราก็แวะกินอาหารกลางวันที่ SOL Glamping อีกหนึ่งที่พักสไตล์แคมปิงแบบลักซูรี ที่มีทั้งแบบเต็นท์และรถบ้านหลายสไตล์พร้อมแอร์และห้องน้ำในตัว ที่นี่มีโซนคาเฟ่และร้านอาหารที่เปิดให้บริการสำหรับคนนอกด้วย ซึ่งจะมีค่าเข้าสถานที่คนละ 100 บาท โดยเราสามารถนำตั๋วมาซื้อเครื่องดื่มหรือใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารได้
ที่นี่บรรยากาศดีมาก ตั้งแต่ทางเข้าแล้วซึ่งเราจะเห็นทิวสนสองข้างทางยาวเรียงรายจนถึงประตูด้านในปลูกต้นไม้ดอกไม้บานสะพรั่ง มองไปไกลๆจะเห็นทิวสนตัดกับท้องฟ้าให้บรรยากาศ เหมือนอยู่แถบทัสคานีก็ไม่ปาน อาหารที่นี่อร่อยมีทั้งแบบสไตล์ตะวันตกฟิวชันอาหารไทยอาหารจานเดียว พนักงานสุภาพและน่ารักสุดๆ ขนมเครื่องดื่มอร่อยจนประหลาดใจ
วันที่ 3 – ดื่มด่ำาธรมชาติยามเช้า + แวะคาเฟ่สุดชิก
วันที่สาม เราตั้งใจใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติ และบรรยากาศที่นี่ก่อนกลับให้เต็มที่ หลังจากตื่นเช้าชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นแล้วเราจึงทำทุกอย่างอย่างช้าๆ ใช้เวลาพาน้องหมาเดินเล่นถ่ายรูป มุมประทับใจบริเวณรอบๆ เอาวัตถุดิบที่เหลือมาครีเอตเมนูอาหารเช้าแบบแปลกๆแต่อร่อย (เพื่อนไม่ได้บอกเราบอกเอง)และทำกาแฟดริปแบบง่ายๆ แล้วก็นั่งเล่นกันอีกสักพักใหญ่ จึงได้เก็บสัมภาระเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

ก่อนกลับเราปิดทริปด้วยการแวะคาเฟ่เปิดใหม่ใกล้ที่พักชื่อคาเฟ่แม่กะพ่อ (Mae ka Pho Café) คาเฟ่สไตล์มินิมอลสีขาวเพนต์ลายเส้นการ์ตูนรูปแม่กับพ่อที่เห็นเด่นมาแต่ไกล โอบล้อมด้วยลานสนามหญ้าเขียวขจี มีทั้งโซนอินดอร์และเต็นท์เอาต์ดอร์ให้นั่งรับลมสบายๆตัวอาคารออกแบบคล้ายกึ่งกลาสเฮาส์รับแสงธรรมชาติเต็มที่ ภายในตกแต่งแบบปูนเปลือย ให้ความรู้สึกดิบเท่แต่ก็อบอุ่นและด้วยความที่แสงธรรมชาติ เยอะทำให้ถ่ายรูปแล้วเท่มาก
เมนูเด่น นอกจากกาแฟมะพร้าวที่ใช้น้ำมะพร้าวสดแล้ว ยังมีเบเกอรี่โฮมเมดสูตรทางร้านที่อร่อยจนต้องสั่งเพิ่ม อาทิ เค้กมะพร้าวเนื้อนุ่มละมุนเค้กช็อกโกแลตที่เข้มข้นหวานกำลังดี (มากๆ) ตัดกับสตรอว์เบอร์รีรสชาติลงตัวสุดๆ บลูเบอร์รีชีสเค้กก็กลมกล่อมไม่เลี่ยนเลย เป็นร้านที่เค้กเลิฟเวอร์ต้องชอบทางร้านแอบกระซิบมาว่า ในอนาคตมีแพลนเปิดเป็นร้านอาหารด้วย ใครผ่านมาแถววังน้ำเขียวอย่าลืมแวะมาเติมความอร่อยกันนะคะ
Travel Tips
– ฤดูหนาวเป็นช่วงที่ดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งสวยงามที่สุด
– ปรากฏการณ์ฝนดาวตกมักเกิดในช่วงช่วงวันที่ 4 – 20ธันวาคมของทุกปี
– ที่พักที่เขาใหญ่หลายที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ แต่ก็มีบางที่ที่ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้า ควรเช็กให้ดีก่อนจอง
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 55 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่