Skip to content Skip to footer

SHIZUOKA

SHIZUOKA’S UNTOLD STORIES

สัมผัสเสน่ห์แท้ๆที่ซ่อนอยู่ ของชิซึโอกะ

เมื่อลมหนาวจางหาย และกลิ่นซากุระแรกแย้มโชยมาตามสายลม ราวกับเป็นสัญญาณว่าช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของปีได้มาถึงแล้ว เมืองชิซึโอกะก็เผยเสน่ห์อันลุ่มลึกให้สัมผัส เที่ยวครั้งนี้เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของญี่ปุ่นแท้ๆ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีทุกสิ่งที่ทำให้การเดินทางพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ จิบชาเขียวท่ามกลางไร่ชาที่ทอดยาวสุดสายตา เดินเล่นริมแม่น้ำที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูของซากุระ ชมภูเขาไฟฟูจิแบบไม่ซ้ำวิว แวะตลาดท้องถิ่นชิมอาหารขึ้นชื่อ และจบวันด้วยการแช่ออนเซ็นในเรียวกังแบบดั้งเดิม

SHIZUOKA มากกว่าแค่ภูเขาไฟฟูจิ

จังหวัดชิซึโอกะเป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางจากโตเกียว นาโงยะ โดยรถไฟชินคันเซ็นเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งหากใครมีเวลาไม่มาก สามารถเที่ยวแบบ One day trip ได้เช่นกัน แต่หากใครที่ตั้งใจมาเที่ยวชิซึโอกะและมีแพลนเที่ยวมากกว่า 1 วันและไม่เช่ารถ (แบบเรา) การเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัด แนะนำให้ซื้อตั๋ว Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass Mini เพราะใช้นั่งรถไฟ รถบัส ได้รอบ จังหวัด รวมถึงขึ้นเรือเฟอร์รี่เพื่อเที่ยวที่ Shimizu Port Bay Cruise และ Suruga Bay หรือจะนั่ง Fujikyuko Bus เที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ด้วย โดยตั๋วจะมีอายุ 3 วัน (ซื้อที่ไทย แล้วไปออกตั๋วที่ญี่ปุ่นเหมือน Japan Rail pass ทั่วไป เลยค่ะ สะดวกมากๆ ราคาก็น่ารัก ประมาณ 6,500 เยน เท่านั้น)

และหากพูดถึง “ชิซึโอกะ” ทุกคนอาจจะนึกถึงภูเขาไฟฟูจิเป็นอย่างแรก แต่จริงๆ แล้ว จังหวัดนี้มีประวัติไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในฐานะถิ่นกำเนิดของโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ แห่งยุคเอโดะที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2013 และยังเป็นแหล่งผลิตชาเขียวคุณภาพเยี่ยมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ใครเป็นชาหรือมัตจะเลิฟเวอร์ รับรองว่าฟินแน่นอน ยิ่งช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ที่บรรยากาศเริ่มอบอุ่น ดอกซากุระเบ่งบาน และยอดเขาฟูจิยังปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ถือเป็นฤดูกาลที่เหมาะที่สุดในการสัมผัสมนต์ เสน่ห์ของจังหวัดนี้

KUNOZAN TOSHOGU SHRINE มรดกทางประวัติศาสตร์บนยอดเขา

ทริปนี้เราเลือกบินมาลงที่นาโงยะ ก่อนนั่งไปสถานี Meitetsu Nagoya (30 นาที) และต่อชินคันเซนมาที่ชิซึโอกะ (ประมาณเกือบชั่วโมง) แล้วค่อยมารับรถที่จองไว้ เพราะเล็งแล้วว่าน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดในการเที่ยวที่นี่ เราเริ่มทริปด้วยการไปที่ ศาลเจ้า Kunozan Toshoku เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเลย ซึ่งเราสามารถเดินทางได้ 2 วิธีคือ เดินขึ้นบันได (1,159 ขั้น !) หรือหากใครขี้เกียจ (แบบเรา) สามารถไปที่ Nihondaira เพื่อนั่งกระเช้าขึ้นไปได้ ใช้เวลาเพียง 5 นาที

ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ โทกูงาวะ อิเอยาซุ ผู้ ก่อตั้ง ยุคโทกูงาวะ หรือรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ซึ่งมีอำ นาจ ครอบคลุมญี่ปุ่นกว่า 250 ปี ! เป็นสถานที่ฝังพระศพแห่ง แรกของโทกูงาวะ อิเอยาซุ ก่อนที่จะย้ายไปยังนิกโก โทโชกุ หนึ่งในจุดเด่นของศาลเจ้านี้คือการออกแบบที่สวยงามและ ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะในส่วนของประตูและหอที่มีลวดลาย ศิลปะแบบญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของยุค โทกูงาวะ เป็นตัวอย่างอันงดงามของสถาปัตยกรรมสมัย เอโดะ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับโทกูงาวะ อิเอยาซุและ ประวัติของรัฐบาลโทกูงาวะที่นี่ด้วย

NIHONDAIRA YUME NO TERRACE ระเบียงแห่งความฝัน

ไปต่อที่ Nihondaira Yume no Terrace หรือ “ระเบียง แห่งความฝัน” คือจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนความสูง 307 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่มีระเบียงกระจกที่ยื่นออกจากภูเขา มอบประสบการณ์การชมวิวแบบ 360 องศา คุณจะสามารถมอง เห็นภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซูรูงะ และเมืองชิซึโอกะได้อย่างชัดเจน

ส่วนด้านบนมีคาเฟ ที่เราจะสามารถจิบชาเขียวชิซึโอกะ แท้ๆ ชงสดๆ กลิ่นหอมละมุน พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามไปด้วย โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ภาพของฟูจิซังตัดกับท้องฟ้าสีคราม เป็นวิวที่สวยจนลืมหายใจเลยทีเดียว

URUI RIVER พิกัดชมซากุระที่ห้ามพลาด

แม่น้ำ อุรุอิเป็นอีกจุดหนึ่งที่หากใครมาช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ต้องห้ามพลาดมาเด็ดขาด เพราะเป็นจุดชมซากุระที่รวมทั้งซากุระริมน้ำ สายน้ำใสสะอาด และภูเขาไฟฟูจิไว้ในเฟรมเดียวกัน ส่วนจุดที่ถ่ายภาพได้สวยจะอยู่ที่สะพาน Ryuganbuchi ซึ่งคนญี่ปุ่นแนะนำว่าควรมาไม่เกิน 10.00 น. เพื่อไม่ให้ย้อนแสงแล้วจะไม่ได้รูปนั่นเอง

ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee