Skip to content Skip to footer

VERONA

ตามรอยตำนานรักก้องโลก ROMEO & JULIET

Wherefore art thou Romeo” (เหตุใดท่าน W ต้องเป็นโรมิโอ)​ประโยคอมตะตัดพ้อในรักของจูเลียต​คาปูเล็ต​นางเอกในบทละครเรื่องโรมิโอกับ​จูเลียต​ประพันธ์โดย วิลเลียม ​เชกสเปียร์​ เป็นเรื่องราวความรักท่ามกลางความแค้นระหว่างสองตระกูลในเมืองเวโรนา​ประเทศอิตาลี​ เมื่อโรมิโอ​หนุ่มหล่อแห่งตระกูลมอนตะคิว​มาพบรักกับจูเลียต ​สาวสวยแห่งตระกูลคาปูเล็ต​ แต่ความแค้นของสองตระกูลที่มีมาแต่หนหลัง นำพาทั้งคู่ไปสู่จุดจบอันแสนเศร้า ​กลายเป็นโศกนาฏกรรมความรักที่ตรึงใจผู้อ่านเกือบทั่วโลก ​โดยเฉพาะบรรยากาศแสนโรแมนติกของเมืองเวโรนา ​ดินแดนซึ่งเชกสเปียร์ใช้เป็นฉากดำเนินเรื่อง​แม้บทประพันธ์จะผ่านกาลเวลามากว่าร้อยปี ​แต่เวโรนายังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรักของโรมิโอกับจูเลียตตราบจนทุกวันนี้

รู้จักเวโรนา

เวโรนา​เป็นเมืองขนาดกะทัดรัด ​ตั้งอยู่ในแคว้นเวเนโต​ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ​มีประวัติความเป็นมายาวนาน ​เห็นได้จากสิ่งปลูกสร้างในสมัยโรมัน​ โบสถ์วิหารโบราณ​บ้านเรือนก่อด้วยอิฐและหิน​คงความเก่าแก่สวยงาม​ ไม่น่าแปลกใจเมื่อเวโรนาเข้าตายูเนสโกจนได้เป็นเมืองมรดกโลก ​ความมีชีวิตชีวาของเมืองแผ่กระจายไปทุกซอกซอย ​ผู้คนมีมิตรไมตรีและชอบรับแขก​ เรารู้สึกสนุกกับการได้เดินเที่ยวในเมืองที่จัดตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบ​มีแม่น้ำสวยใสไหลผ่านกลางเมือง ​มองไปไกลๆ​เห็นเนินเขารายล้อมเรียงตัวซ้อนกัน ราวกับที่นั่งในโรงภาพยนตร์​​ ก่อนเรื่องโรมิโอกับจูเลียตจะโด่งดัง​เวโรนาก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเมืองโรแมนติก​ เนื่องจากอยู่ใต้เงาของเมืองใหญ่อย่างเวนิสมาโดยตลอด ​เมื่อโรมิโอกับจูเลียตถูกนำมาสร้างเป็นละครเวทีและภาพยนตร์อยู่ บ่อยครั้ง​จึงเป็นเหมือนไกด์บุ๊กดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกสารทิศ ให้มาสัมผัสความงดงาม พร้อมเสพกลิ่นความรัก ​​ทำให้เวโรนาได้ รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเมืองโรแมนติกที่สุดในโลก​

เยี่ยมบ้านจูเลียต

เราไม่รู้ว่าโรมิโอกับจูเลียตเคยมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ​แต่เมื่อมาถึงเวโรนา​ ถ้าไม่ไปบ้านจูเลียตคงไม่อาจเรียกว่ามาถึง​เวโรนาอย่างแท้จริง ​บ้านจูเลียต​หรือที่คนอิตาลีเรียกว่า ​Casa​ di ​Giulietta ​ตั้งอยู่บ้านเลขที่​ 23​ ถนน​ Via​ Cappello ​ตรงตามที่เชกสเปียร์พรรณนาว่าเป็นบ้านในยุคกลาง ​มีระเบียงยื่นออกมาที่หน้าบ้านบนชั้นสอง ซึ่งโรมิโอปีนไปบอกรักจูเลียต ​ในอดีตบ้านหลังนี้เป็นของตระกูล ​Cappello ​สร้างขึ้นในศตวรรษที่ ​13 เป็นสถานที่พักแรมของขุนนางก่อนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ​ด้วยความที่ตัวบ้านคล้ายคลึงกับบ้านของจูเลียตในบทละครของเชกสเปียร์อย่างน่าประหลาด​ เทศบาลเมืองเวโรนาจึงตัดสินใจซื้อและฟื้นฟูบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่ ทำการซ่อมแซมตกแต่ง ​รวมถึงสร้างระเบียงพลอดรักและห้องนอนของจูเลียตให้เหมือนกับในบทละครเสียเลย​แม้จะชัดเจนว่า ทุกอย่างถูกสร้างเพิ่มขึ้น ​แต่คนก็ยังเชื่อว่ามันเป็นของดั้งเดิม ​อาจเพราะบรรยากาศความคลาสสิกที่ภายในบ้านตกแต่งด้วยของเก่าในสมัยศตวรรษที่ ​16 ​และ​ 17 ​ทั้งภาพเขียน​งานศิลปะ​ข้าวของเครื่องใช้​​สำหรับบริเวณรอบบ้าน​จุดเด่นเห็นจะเป็นกำแพง อุโมงค์ที่เต็มไปด้วยข้อความและคำอธิษฐานเกี่ยวกับความรักของผู้คนมากมาย จนแทบไม่มีที่ว่างบนกำแพง​ เพราะความเชื่อที่ว่า​ใครได้มาเขียนคำมั่นสัญญาที่บ้านจูเลียต​ จะมีคู่รักอยู่กันชั่วนิรันดร์ ​เช่นเดียวกับรูปปั้นจูเลียต​ ซึ่งผู้คนพร้อมใจกันเชื่อว่า ​หากได้จับหัวใจของเธอจะทำให้สมหวังในรัก​ ทำให้บริเวณหน้าอกของเธอมันวาวแทบสึกกร่อน​ เพราะแต่ละวันมีคนมาต่อคิวจับหัวใจจูเลียตกันยาวเหยียด ​แถมที่นี่ยังมีจูเลียตคลับให้ผู้คนสามารถส่งจดหมายถึงจูเลียต เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องความรัก​โดยมีอาสาสมัครมาช่วยตอบ​ พร้อมส่งจดหมายคืนทางไปรษณีย์ให้อีกด้วย​ สำหรับใครที่ไม่ได้ชื่นชอบเรื่องราวโรมิโอกับจูเลียต​ แค่ชื่นชมบรรยากาศภายนอก​สถาปัตยกรรมหินของลานสนามที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในบรรยากาศโบราณ ราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง​ก็คุ้มค่าแล้วสำหรับการมาเยือนที่แห่งนี้​

ซานเซโน…มหาวิหารตำานานรัก

หลังไปเยี่ยมบ้านจูเลียตแล้ว ​ก็แวะมาชมโบสถ์เก่าในยุคกลาง​มหาวิหารซานเซโน ​(Basilica ​of ​San ​Zeno) ​ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นจุดกำเนิดตำนานรักบทสำคัญ ​มีห้องใต้ดินที่โรมิโอกับจูเลียตมาทำพิธีแต่งงานกัน ​มหาวิหารแห่งนี้มีความสวยงามมาก​ สร้างขึ้นใน​ค.ศ. ​967 ​เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญ​ประจำาเมืองเวโรนา ​การออกแบบและตกแต่งถือเป็นตัวอย่างของแท้และดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ก็ว่าได้ ​มีหน้าต่างกุหลาบ​วงล้อแห่งโชคชะตา​ประตูทองสัมฤทธิ์ยุคศตวรรษที่ ​12 ​ติดอยู่ตรงฉากหน้าอาคาร ​ทำให้ต้องมองด้วยความชื่นชมในความสามารถของศิลปินในอดีต​ถือเป็นสถานที่ยอดนิยม สำหรับนักแสวงบุญชาวคริสต์และแฟนๆ​โรมิโอกับจูเลียต​

สีสันแห่งเวโรนา

การเดินทางมาเยือนเวโรนายาวนานกว่าที่คิด ​จากความตั้งใจจะแวะเที่ยวเพียงครึ่งวัน​ แต่เวโรนารั้งเราให้อยู่ต่อจนค่ำ​เอาเข้าจริง เวโรนาไม่ได้มีแค่ความรักของโรมิโอกับจูเลียตเท่านั้น ​แต่เวโรนาเป็นเมืองที่เที่ยวสนุก ​มีสีสันความสวยงามของศิลปะและวัฒนธรรมซ่อนอยู่​ มาแล้วอย่าพลาดไปชม ​Verona​ Arena ​เป็นอัฒจันทร์สมัยโรมันขนาดใหญ่​อายุประมาณ ​2,000 ​ปี ​รูปแบบเหมือนโคลอสเซียมในกรุงโรม ​ใช้เป็นสถานที่สำหรับชมโอเปรา​​สะพานหิน ​Ponte ​Pietra ​เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอะดิเจ​ที่เก่าแก่ที่สุดในเวโรนา​ แนะนำให้ไปช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับฟ้า​ถ่ายภาพสะพานกับแสงสุดท้ายบนแม่น้ำอะดิเจสวยจับตา​มาก ​ปิดท้ายด้วยการหาของกินอร่อยๆ​ที่ ​Piazza​ delle​ Erbe​ มีคาเฟ่​ร้านอาหาร​แบบดั้งเดิมและทันสมัยให้เลือกลิ้มรสมากมาย​ ลองหาที่นั่งบนเฉลียงร้าน​ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ตั้งอยู่รายล้อม​ เพลิดเพลินกับผู้คนที่ผ่านไปมา ​แล้วคุณจะพบว่าเวโรนาเป็นเมืองที่อ้าแขนรับผู้มาเยือนทุกคน​และทุกคนมีสิทธิ์ตกหลุมรัก

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 55 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่