Skip to content Skip to footer

งามใจในสงกรานต์

เทศกาลสงกรานต์เวียนมาอีกครั้ง นอกจากจะเป็นวันปีใหม่ไทยแล้ว วันสงกรานต์ยังได้รับการประกาศให้เป็นวันครอบครัว เพื่อให้ผู้จากบ้านเรือนไปทำงานไกลถิ่นได้โผคืนรัง  ผู้ห่างจากครอบครัวได้มีช่วงเวลาสานสัมพันธ์ในครัวเรือนที่ตนอาจห่างเหิน เพราะหมกมุ่นอยู่กับการหาเลี้ยงชีพหรือให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากกว่ามองเห็นค่าของคนใน

การมีประเพณีรดน้ำดำหัว ซึ่งเป็นคำเมืองทางเหนือ ทำให้คนไทยผู้ก้าวไกลในโลกอินเทอร์เน็ตระดับต้น ๆ ของโลกได้คืนสู่การเป็นผู้มีรากเหง้าทางวัฒนธรรม ประเพณีรดน้ำดำหัวคือการอวยพรผู้ใหญ่ ส่วนการดำหัวคือการขอขมาและขอพร ซึ่งการดำหัวเป็นคำเรียกเฉพาะการรดน้ำผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือหรือผู้สูงอายุ เป็นการขอขมาต่อการกระทำที่ล่วงเกิน ในเทศกาลนี้ยังมีประเพณีทำบุญตักบาตรและสรงน้ำพระพุทธรูป สำหรับหนุ่มสาวก็ได้คลายร้อนด้วยการสาดน้ำ นับว่าเป็นประเพณีที่ครบครันทั้งในการแสดงความกตัญญู การประกอบบุญ และการผ่อนคลาย  ครบถ้วนกระบวนชีวิต

ในทุกปีที่อยู่กรุงเทพช่วงสงกรานต์ อาจารย์จะอัญเชิญพระพุทธรูปทุกองค์ในบ้านให้สมาชิกในบ้านช่วยกันขัดทำความสะอาดอย่างมีสติจดจ่อ ทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งเท่ากับได้ขัดเกลากิเลสในตน จากนั้นก็จัดเตรียมดอกไม้ถวายพระพุทธรูปและสรงน้ำด้วยน้ำบริสุทธิ์ที่หยดน้ำอบไทยให้มีกลิ่นสดชื่นเพื่อรักษาขนบประเพณี เป็นการแสดงออกให้เด็ก ๆ ได้ซึมซับวิถีและมีความทรงจำที่งดงามในความเป็นไทย
แม้จะมีผู้ตั้งคำถามว่า พระพุทธรูปสะอาดอยู่แล้ว เอาน้ำอบที่มีสิ่งเจือปนไปรดทำไม คำตอบคือ ที่โบราณท่านใช้น้ำอบก็เพราะคนเรานั้นมีจริตและมีจิตหนาบางต่างกัน การใช้น้ำอบร่ำก็เพื่อช่วยให้จิตอ่อนโยนขึ้น เครื่องหอมและการเตรียมดอกไม้อันประณีตก็เป็นกุศโลบายในการทำกุศลเพราะเป็นการกระทำอันประณีต ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพสักการะอันสมควร ขณะสรงน้ำหากทำอย่างมีสติจะช่วยยังจิตให้รู้สึกว่า ได้อยู่ใกล้พระพุทธเจ้ามากขึ้น นอกเหนือไปจากการสวดมนต์เจริญภาวนา

ในชีวิตจริง เราหมดสิทธิ์ที่จะได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดพระบรมศาสดา กุศโลบายนี้ ช่วยน้อมใจเข้าใกล้พระพุทธองค์เพื่อรำลึกว่าทรงสอนให้เป็นคนดี ต้องทำดี เพียงแค่นี้ก็ใกล้แก่นธรรมแล้ว พระพุทธรูป เป็นสัญลักษณ์เชื่อมใจให้รำลึกถึงพระพุทธองค์ได้ง่ายขึ้น เหมือนเวลาเห็นธงชาติก็นึกถึงความเป็นชาติทันที  เรียกว่าเป็นสะพานเชื่อมจิต  

การจะใกล้หรือได้เห็นพระพุทธเจ้าได้ชัดขึ้น ก็ต้องอาราธนาศีลห้า เพราะการรักษาศีลให้บริสุทธิ์เป็นเครื่องย่นระยะ ช่วยให้มนุษย์แหวกว่ายความมืดบอดของโลกโลกียะขึ้นมาอยู่ในกระแสโลกุตรธรรมได้ทันที หากเปรียบความสำเร็จสูงสุดฝั่งโลกุตรธรรมเป็นดั่งการไต่แถวขึ้นไปสู่ยอดเขา ผู้ตั้งใจรักษาศีลคือผู้ที่สามารถพาตนเบียดขึ้นมามีที่ตั้งอยู่ช่วงกลางค่อนไปทางท้ายแถว หากเจริญวิปัสสนาได้ก็จะขยับขึ้นมาอยู่กลางแถว หากเป็นอริยบุคคลก็ขยับขึ้นมาสู่ปลายฟ้าช่วงต้นแถว หากบรรลุธรรมแล้วก็อยู่บนยอดเขาทะลุชั้นฟ้าไปเลย ส่วนผู้ที่ไม่ตั้งใจรักษาทั้งศีล ไม่เจริญภาวนา แม้จะกระทำการสักการะอย่างไรก็จะมีที่ตั้งอยู่แถวสุดท้ายใกล้พื้นดิน ตราบใดที่ยังไม่ตายก็ยังไม่ตกแถวเสียทีเดียวยังพอมีโอกาสแก้ไขอยู่  ซึ่งยังดีที่ติดปลายแถวได้เพราะค่าที่ใจไม่ละเลยวัฒนธรรมที่ดีงามจนเกินไป  

 ส่วนผู้ไม่ใส่ใจจะทำคุณงามความดีอะไรทั้งสิ้น ได้แต่มีชีวิตไปวัน ๆ ศีลไม่คิดรักษา แม้จะไม่ทำความชั่วชัดเจนก็ต่อแถวเหมือนกัน เป็นการต่อแถวลงข้างล่างเพราะอุตส่าห์ได้ความเป็นมนุษย์แล้วกลับไม่รู้จักขวนขวาย แม้ไม่ทำชั่วก็เหมือนทำเพราะการเป็นอยู่ของเขาไม่ก่อประโยชน์แก่ผู้ใดกระทั่งแก่ตนเอง มีชีวิตอยู่ด้วยการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ อาศัยความดีของผู้อื่นเพื่อการมีชีวิตของตน ไม่รู้จักทำชีวิตให้เกิดเป็นคุณ มีน้ำหนักกายเพื่อเพิ่มน้ำหนักโลก มีที่ยืนที่ไม่ต่างกับการแย่งที่อยู่จากผู้สมควรมีที่อยู่…คนไร้ค่า จึงมีแต่ถูกดึงลงสู่เบื้องล่าง

สงกรานต์  เป็นเวลาที่เรามีโอกาสทำกายและใจให้งาม งามในทุกบทบาท ทั้งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ งามในความเป็นผู้น้อย งามในความเป็นผู้ใหญ่ที่จะใช้ปิยวาจา สั่งสอน อบรม และให้พรผู้น้อย เมื่องามครบทุกหน้าที่แล้ว ก็มาถึงการผ่อนคลายสาดน้ำของคนหนุ่มสาว   

ประเพณีสาดน้ำในระยะประชิดตัว พัฒนามาสู่ระยะห่างออกไปด้วยปืนฉีดน้ำและการสาดน้ำบนรถ ช่วยลดภัยการคุกคามต่อผู้หญิง ขอเพียงแต่อย่าเลยเถิด อย่าทำอย่างขาดสติสัมปชัญญะ แต่งกายให้สุภาพ และไม่ทำสิ่งอุจาดตาต่อสังคม

ข้อดีที่อาจารย์เห็นในการนั่งท้ายกระบะรถสาดน้ำก็คือ การทำให้คนทุกชนชั้น ทั้งยากดีมีจน หรูหราร่ำรวย หรืออยู่สนิทชิดดิน ต่างลดระดับของตนมาอยู่ในฐานะพี่น้องร่วมชาติ ทุกคนเล่นน้ำสงกรานต์โดยไม่มีเส้นแบ่งฐานะทางสังคม พอขึ้นหลังรถกระบะแล้วสมมติทางโลกใด ๆ ที่สวมมาจะถูกถอดออกโดยอัตโนมัติโดยสมัครใจ เหลือเพียงความเป็นพลเมืองไทยที่สาดน้ำใส่กันโดยไม่ต้องมาคิดว่าใครเป็นใคร เจอรถคันไหนผ่านมาก็สาดน้ำใส่และโฉบจากไปด้วยรอยยิ้ม รถบางคันคนในรถรัศมีเป็นเศรษฐี บางคันก็ชัดว่าเป็นผู้ใช้แรงงาน ผู้มีอาชีพแม่บ้านก็ได้โอกาสมายืนสาดน้ำหน้าบ้านโดยไม่มีฐานะใดกดใจอยู่

น้ำสงกรานต์เขาไม่เลือกชนชั้น วิถีของสายน้ำสามารถเชื่อมใจด้วยความเย็นและรอยยิ้ม ใครลองได้ขึ้นท้ายรถกระบะสาดน้ำแล้ว  ความรู้สึกที่เคยหมิ่นผู้ใช้แรงงานหรือมักมองผู้ขับรถกระบะเป็นสิงห์จอมปาดจะหายไป จะได้ความรู้สึกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจมาแทนที่ บางคนที่เคยลงมือขับเองก็จะตระหนักว่า ด้วยรถที่หนักใจคนขับก็คงหนักและถูกบีบคั้นไปด้วย การปล่อยให้เขาล่วงหน้าไปก่อนย่อมดีกว่าการปล่อยให้ใจหงุดหงิด โดยเฉพาะผู้ที่นั่งรถติดแอร์เย็นฉ่ำ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ออโต้ จะเลี้ยวไปทางไหนก็พลิ้วทันใจด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์ เบาะนุ่มราวขนนก ต่างจากเขาที่ต้องออกแรงเลี้ยว ทั้งเอี้ยวตัวทั้งบิดข้อมืออย่างหนัก
การเห็นใจผู้แบกของหนัก ย่อมเป็นกุศลจิต
การเปิดทางเป็นการให้ทาน

สะพานเชื่อมใจนอกห้องเรียนมักมาในรูปแบบที่เราคิดไม่ถึง การสาดน้ำเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว สำหรับผู้ฝึกตนย่อมต้องมีการกระทำที่สำรวมเสมอ กับฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรม การสาดน้ำด้วยขันหรือด้วยปืนฉีดน้ำ เพียงนี้ก็ดีงามแล้ว
ในหลากหลายการกระทำ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี…ขอเพียงอย่าสุดโต่งและอย่าเลยเถิด
เมื่อเราเข้าใจและเข้าถึงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในหลายมิติ
หากยังใจให้มั่นคงในศีล ผ่อนใจให้เย็น สาดน้ำด้วยรอยยิ้ม
งามใจในสงกรานต์ ย่อมเกิดขึ้นเช่นนี้ต่อไป และเสมอไป

ขอให้ทุกคนเบิกบานใจในสงกรานต์

อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล