อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล
เทศกาลตรุษจีนเวียนมาอีกวาระหนึ่งในทุกปีเมื่อใกล้เวลาเช่นนี้ เราก็จะมักจะได้พบเห็นคำแนะนำในการไหว้ตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลและโชคลาภจากกูรูหรือหมอดูทั้งหลาย วันนี้อาจารย์จะขอเขียนให้พิจารณาเรื่องอันเกี่ยวกับเทพเจ้าสักหน่อย
เทพเจ้าคือใคร มีจริงหรือไม่
เทพเจ้าก็คือเทวดาฝั่งสัมมาทิฐิ ที่แต่เดิมเคยเป็นมนุษย์ที่ทำคุณงามความดีอย่างยิ่งยวด ด้วยจิตที่หนักแน่นและเสียสละเพื่อผู้อื่น เป็นมนุษย์ผู้มีคุณธรรมสูงส่ง แต่ไม่ได้บำเพ็ญจนถึงการหลุดพ้น เมื่อตายไปแล้วอำนาจแห่งบุญกุศลส่งให้ได้เป็นเทวดา คำเรียกว่า “เทพเจ้า” เป็นคำเรียกทางภาษาจีน ผู้ที่จะ ได้รับการสรรเสริญเป็นระดับเทพเจ้าต้องมีบารมีมากกว่าเทวดาปกติที่ทำความดีโดยไม่ได้เสียสละมากนัก ผู้ที่จะอยู่ในระดับเทพเจ้าได้ คือผู้ที่ทำความดีแบบสละชีวิตได้เลย บารมีจึงสูงส่งเป็นเทพเจ้า เทพเจ้าที่อาจารย์พอรู้จักคุ้นเคยชื่อเช่นเดียวกับ คนทั่วๆไป ก็มีเทพเจ้ากวนอู
เทพเจ้าช่วยคนได้ไหม
ก่อนจะตอบก็ต้องถามว่า หากเราเป็นผู้ใหญ่ผู้มีความเมตตากรุณาสูง เมื่อมีผู้อ่อนแอกำลังประสบความลำบาก มาร้องขอความช่วยเหลือ โดยมีเหตุผลสมควรแก่การให้ความช่วยเหลือ ผู้ใหญ่ผู้เมตตากรุณานั้นจะช่วยหรือไม่
เทพเจ้าก็คือเทพที่มีบารมีเพราะทำความดี ดังนั้นเทพเจ้า ย่อมไม่อยากคลุกคลีกับคนไม่ดี เพราะบุคคลที่สะสมหมักหมม ไปด้วยกิเลสและอกุศลจิตอยู่ในสังขารมาก กระแสจิตเขาจะหยาบมาก ทำให้เทพเจ้าไม่อยากเฉียดกระแสไปใกล้ แม้บางคนอาจไม่จัดถึงขั้นว่าเป็นคนไม่ดี แต่ก็เป็นผู้ที่ไม่ขวนขวาย ทำความดี ได้แต่ส่งข้าวของมากำนัล ร้องขอไปตามอำนาจ ของกิเลสตัณหา เช่น ขอให้รวย ขอให้สำเร็จ โดยไม่ได้พากเพียรด้วยตนเองและไม่ทำความดีอะไรเลย เทพเจ้าผู้มีคุณธรรมสูงไหนเลยจะเอาพลังไปช่วย แต่หากบุคคลนั้นมีความดีเป็นทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้ความกตัญญูกตเวที เมื่อบุคคลนั้นส่งกระแสจิตสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ หากเรื่องที่ร้องขอไม่เหลือวิสัย และบุคคลนั้นไม่ถูกกระแสวิบากโหมกระหน่ำมากเกินไป ท่านก็ย่อมช่วยเหลือได้ตามกำลัง
ที่บอกว่าถูกกระแสวิบากโหม นั่นก็คือ เวลาบุคคลกำาลัง โดนวิบากกระหน่ำา ในคลื่นพลังงานจะมีลักษณะเป็นคลื่นพายุ ที่โหมกระหน่ำาลงมาสู่จิตของบุคคลนั้น ก่อเกิดเป็นพลังผลักดัน ให้เกิดเรื่องร้ายแรงนานา ซึ่งเทพเจ้าย่อมเห็นในมิติทิพย์หรือ มิติพลังงานได้ เทพเจ้าที่บารมีไม่สูงนักก็ไม่อาจยื่นมือไปช่วยได้ เพราะฝ่าพายุไปไม่ไหวเช่นกัน ต้องรอให้วิบากเขาจางคลาย ก่อนแล้วค่อยๆช่วยประคองขึ้นมาในโลกมนุษย์ระงมไปด้วย เสียงร้องขอให้เทพเจ้าช่วยเทพเจ้าจะมีพลังแตกอนุภาคหรือ กระแสจิตไปช่วยทุกคนได้อย่างไร
เมื่อช่วยไม่ได้ทุกคน แล้วเทพเจ้าจะเลือกช่วยใครก่อน
จริงๆแล้วก็ใช่ว่าเป็นการ “เลือก” แต่ใครที่กระแสจิตมีพลังพอที่เทพเจ้าจะรับรู้คำร้องขอ ท่านก็ย่อมส่งกระแสจิตไป ช่วยก่อน ส่วนบุคคลที่ไม่มีศีลมีสัตย์ ไม่มีคุณความงามดีเป็นทุนบ้างเลย ก็เหมือนกับคนที่ร้องเรียกอะไรก็ไม่มีใคร ได้ยิน เพราะกิเลสและบาปที่สะสมไว้อย่างหนาแน่นได้กลายเป็นกำแพงอย่างหนา กั้นเสียงร้องขอนั้นไม่ให้เทพเจ้าได้ยิน แม้จะเดินทางไปถึงศาลเจ้าก็เถอะเพราะใครๆก็ไปที่นั่นเสียงของคนไม่มีแรงจะแข่งกับคนมีแรงได้อย่างไร ตรงกันข้ามกับผู้ที่มีความดี ความกตัญญู ยามร้องขออะไรออกไป คลื่นจิตหรือเสียงย่อมพุ่งไปถึงเทพเจ้าก่อนคนอื่น
อีกประการหนึ่งก็คือ หากบุคคลนั้นเคยมีอดีตชาติเกี่ยวพันเป็นญาติพี่น้อง บริวาร หรือเคยเกื้อกูลเทพเจ้าในสมัยที่ท่านเป็นมนุษย์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ให้น้ำดื่ม ให้ที่พึ่งพิงชั่วคราว สังขารแห่งความเกี่ยวพันนั้นก็เป็นสะพานให้กระแสจิตของเขาเข้าถึงเทพเจ้าได้ใกล้ชิดกว่าผู้อื่น เมื่อเขามี ความเดือดร้อนและร้องขอ เทพเจ้าย่อมได้ยินและเข้าช่วยเหลือได้เร็ว และมีพลังมากกว่าผู้อื่น
เรื่องนี้อาจารย์ประสบด้วยตนเอง โดยหลายครั้งอาจารย์ ได้รับกระแสจากพระแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์ ขอให้ช่วยศิษย์ บางคนที่เคยมีกระแสเกี่ยวพันกับท่านมาให้พ้นภัย ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เคยปวารณาตนรับใช้ท่านมา ยามที่เขาประสบปัญหา กระแสจากพระแม่กวนอิมก็มีมหาเมตตาอยากให้อาจารย์ช่วยโอบอุ้ม และขอให้ช่วยศิษย์ผู้นั้นเป็นพิเศษ ซึ่งมีมาเสมอแม้กระทั่งในปีนี้
พระแม่กวนอิม บารมีธรรมท่านสูงกว่าเทพเจ้ามากนัก ท่านคือพระโพธิสัตว์ที่ตั้งปณิธานในการโกยสัตว์และช่วยเหลือสรรพสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ไม่สมควรไปจัดท่านเป็นเทพเจ้า เพราะบารมีท่านสูงส่งกว่ามาก แต่ที่ยกตัวอย่างมาก็เพราะเห็นว่าคนเชื้อสายจีนรู้จักท่านและเคารพศรัทธาท่านมาก
เทพเจ้าช่วยคนไปทำไม
ในเทวโลกเป็นภพภูมิแห่งการเสวยสุขจากอำนาจบุญกุศล แต่ด้วยพื้นฐานจิตของเทพเจ้าเป็นจิตแห่งการเสียสละจึงไม่ใส่ใจในการเสวยสุขในแบบเทวดาทั่วๆไป ท่านจึงใช้เวลาที่ได้อยู่ในมิติทิพย์มาประกอบคุณงามความดีเพื่อสร้างบารมีต่อไป เมื่อหมดอายุขัยจากการเป็นเทพเจ้าแล้วก็จะได้มีบารมีสูงยิ่งขึ้น ไปอีก แต่การลงมาช่วยของเทพเจ้าต่างๆ โดยเฉพาะเทพเจ้าที่ คนรู้จักมากๆ ก็ทำให้กิเลสหรือโอปปาติกะที่เป็นวิญญาณชั้นต่ำ มักหลอกอ้างชื่อท่านเนืองๆ ตามตำหนักคนทรงเจ้าทั้งหลายจึงมีการอ้างชื่อเทพเจ้านั้นๆ ซึ่งหากเป็นวิญญาณชั้นต่ำ คนทรง เจ้าเหล่านั้นจะมีกิริยาที่ไม่ใช่ระดับเทพเจ้าคำที่ว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ใช้ได้กับทั้งมนุษย์และเทวดา
เทพเจ้าปลอมจะมีกิริยาที่หยาบ ไม่น่าเคารพเลื่อมใส และยังนำไปสู่การร้องขอทรัพย์สินเงินทอง หรือเรียกร้องอะไร แปลกๆที่ต่างไปจากการช่วยในแบบเสียสละจริงๆ ผู้ศรัทธา หรือชอบไปไหว้เจ้าเข้าทรงจึงต้องพิจารณาให้มากๆ ต้องไม่หลงงมงายกับการกระทำที่ไม่ชอบทั้งปวง ทางที่ดีที่สุดเลยคือ การพึ่งตนเอง โดยพึ่งคุณธรรมความดีของตนเอง เมื่อสะสมบุญกุศลไว้มากก็ทำให้ได้มีวิสัยได้เสวยบุญเป็นเทวดาเรียกว่ามีเทวดาเป็นกัลยาณมิตรก็ไม่ผิดนัก เพราะคลื่นความถี่เดียวกัน ย่อมถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แม้จะอยู่ต่างมิติก็ตาม จะต่างกันบ้างก็ตามกำลังบารมีการเสียสละ อีกทั้งบุญนั้นก็จะเป็นที่พึ่งที่อาศัยให้แก่ตนเอง ยามต้องการกำลังใจ เมื่อจะกล่าวขอเทพเทวาให้ปกปักรักษา กระแสจิตก็ย่อมส่งไปไกล ให้ได้รับความช่วยเหลือตามควรแก่เหตุปัจจัย เพราะเมื่อช่วยคนดีที่เคยพลาดพลั้งให้รอด ต่อไปเขาก็จะทำาความดียิ่งๆขึ้นไปอีก เทพเจ้าที่ไหนจะไม่คิดช่วยเหลือ
ตรุษจีนปีนี้ ใครที่มีหนี้สินกับเทพเจ้ารุงรัง คือเที่ยวขอให้ ท่านช่วยไปเรื่อย เมื่อเป็นนักภาวนาแล้วควรเปลี่ยนจากการขอเป็นการคืนหนี้ให้ท่านด้วยการภาวนา และส่งกำลังบุญไป ตอบแทนบุญคุณให้ท่าน เชื่อได้เลยว่า เทพเจ้าที่ผู้คนต้องดั้นด้นไปหา กระแสจิตของท่านกลับจะเป็นผู้ที่น้อมมาหาตนเองเพื่อรับกระแสบุญนั้น เพราะในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่ยืมหนี้หรือพลังบุญจากเทพเจ้าแล้วใช้คืน และยังใช้คืนด้วยจิตที่สำนึกในบุญคุณ ความชื่นใจอันมากมายย่อมเกิดแก่เทพเจ้านั้นๆ ดุจได้รับน้ำทิพย์อันบริสุทธิ์ท่ามกลางกระแสน้ำที่ขุ่นคลักด้วยกิเลสตัณหา ที่เทรดลงมาสู่จิตเทพเจ้าอย่างไม่มีจบสิ้น และเมื่อใดที่กัลยาณมิตรน้อยผู้อ่อนแออยากได้กำลังใจ ขอร้องให้ท่านเมตตามีหรือท่านจะไม่ช่วย
ในโลกมายา ผู้ที่ยังติดอยู่ในกระแสโลกก็คิดเอาด้วย ปัญญาสมองสนองกิเลสไปตามประสา แต่โลกของผู้ตื่นแล้ว ย่อมมองเห็นความจริงอีกด้านหนึ่ง ดั่งความคิดที่มากับโพธิจิต ว่า “บุคคลมักคิดว่าผู้ที่บวชเป็นพระแล้วพากเพียรบำาเพ็ญเพื่อ สิ้นกรรม คือผู้ที่ทิ้งชีวิตทางโลกไปเปล่าๆ แต่ในทางธรรมนั้น กลับเป็นว่า บุคคลผู้ไม่พากเพียรเช่นบรรพชิตที่บำาเพ็ญเพื่อการ สิ้นกรรม คือผู้ที่เอาชีวิตในภพนี้ทิ้งไปเปล่าๆ”
การคว่ำโลกธาตุคือการคว่ำความลวงและหงายความจริง ที่ถูกปกปิดจนมิดให้สว่างไสว บทความนี้คือบทความหงาย ความจริงว่าด้วยเทพเจ้าให้ทุกท่านได้พิจารณา
ตรุษจีนปีนี้ ขอให้ความจริง ความดี และความเป็นมงคล เกื้อหนุนค้ำจุนชีวิตทุกท่าน ผู้ยังจิตให้มั่นในความดีสืบไป
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 55 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่