จากแพทย์ที่สู้เพื่อความเป็นอมตะ สู่การยอมรับความไม่จีรัง
ในโลกของวิทยาศาสตร์การแพทย์ “เวชศาสตร์ชะลอวัย Anti-Aging” นับเป็นศาสตร์หนึ่งในวงการที่ผู้เชี่ยวชาญต่างหาวิธีเพื่อความเป็นอมตะ ต้านความเสื่อมและกฎแห่งเวลา หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญลำดับต้นก็คือ ดร.โรเบิร์ต โกลด์แมน (Dr. Robert Goldman) ผู้ร่วมก่อตั้ง The American Academy of Anti-Aging Medicine (A4M) ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1992 แต่แล้ว วันหนึ่งเมื่อเพื่อนรักชักชวนให้มาปฏิบัติธรรมที่ประเทศไทย นั่นอาจเป็นการพลิกชีวิตของดร.โรเบิร์ต จากผู้ที่เห็นพระพุทธรูป เป็นเพียงแค่งานศิลปะ ก้าวข้ามมาสู่ผู้มีความสนใจในคำสอนพระพุทธเจ้าและการปฏิบัติธรรม และต้องการเผยแผ่ธรรมะ ของพระพุทธองค์ไปยังชาวตะวันตกให้มากขึ้น จุดพลิกบนเส้นทางชีวิตของดร.โรเบิร์ต โกลด์แมน คืออะไร มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
คุณเคยพูดว่า ความสำเร็จของคุณคือการอุทิศชีวิต ให้กับการกีฬา ศิลปะการต่อสู้ และการสอนผู้อื่นให้มี สุขภาพที่ดีขึ้น
ผมพอใจที่ได้ช่วยเหลือและสอนผู้อื่น การถ่ายทอด ความรู้และทักษะให้ผู้อื่นนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและ ความพึงพอใจสูงสุดในชีวิต ผมถูกถามหลายครั้งว่าคุณรู้สึก อย่างไรเมื่อมีคนอื่นสามารถทำาลายสถิติโลกของคุณได้แล้ว… ผมก็ตอบว่า ผมยังมีความสุขกับมันอยู่เสมอ เพราะสักวัน หนึ่งต้องมีคนที่สามารถทำาลายสถิติโลกได้เช่นกัน
ผมมีโครงการสร้างอาชีพเทรนเนอร์ฟิตเนสส่วนตัว และวิชาชีพด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งทั้งสองอาชีพนี้ช่วย ชีวิตคนนับไม่ถ้วน และสร้างอาชีพให้กับผู้คนนับล้าน นี่คือ สิ่งที่ผมภาคภูมิใจมาก ผมคิดว่าความสำเร็จที่ผ่านมาถือว่า ผมมาไกลมาก แต่ผมก็จะมุ่งมั่นทำต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อผู้อื่น
ขออนุญาตถามเรื่องที่คุณเป็นหนึ่งในผู้บัญญัติคำา ว่า ‘Anti-Aging’ และมีส่วนร่วมในวงการเวชศาสตร์ ชะลอวัย อะไรที่ทำให้คุณสนใจที่จะต่อสู้กับความชรา
ผมสร้างสรรค์เทคโนโลยีมากมายเกี่ยวกับเวชศาสตร์ การกีฬา ดังนั้นเวชศาสตร์ชะลอวัย จึงเป็นเหมือนประสิทธิภาพสูงสุดของเวชศาสตร์การกีฬาเจเนอเรชันต่อ ไป ตอนที่เริ่มก่อตั้ง A4M (The American Academy of Anti-Aging Medicine) เรามีแพทย์เข้าร่วมเพียง 12 คน เพราะตอนนั้นยังไม่มีการรับรองวิชาชีพด้านเวชศาสตร์ ชะลอวัย แต่ตอนนี้เรามีสมาชิกมากกว่า 26,000 คนในกว่า 120 ประเทศ
คำจำกัดความของ Anti-Aging (เวชศาสตร์ชะลอวัย) ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่
คำจำกัดความยังคงเหมือนเดิม การตรวจหาและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับวัยตั้งแต่เนิ่นๆ เราถือว่าความแก่ชรา เป็นเพียงโรคหนึ่ง และเราสามารถปรับเปลี่ยนวิถีทางและ ผลลัพธ์ได้ และอย่างที่เล่าไปตอนต้นว่า สำาหรับครอบครัว ผมการศึกษาสำคัญมาก ผมจึงเห็นความสำคัญของการ ศึกษาขั้นสูงและการประเมินผลในเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัย และเวชศาสตร์การกีฬา จึงทำให้ผมเริ่มก่อตั้ง National Academy of Sports Medicine บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้
คุณเคยพูดว่า ‘I hope that we can help all of you go beyond 100 years in great health.’ (ผม หวังว่าเราจะช่วยให้พวกคุณทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ตลอดอายุ 100 ปี) อยากรู้ว่าหลังจากคุณมาปฏิบัติ วิปัสสนาแล้ว คุณยังยึดคตินี้อยู่อีกหรือเปล่า
ผมยังคงอยากมีอายุต่อไปจนถึง 100 ปีหรือนานกว่า นั้น เพราะผมจะสามารถให้ความรู้และช่วยเหลือผู้คนได้ อีกมากมาย แต่ตอนนี้ผมรู้ว่ากรรมเป็นผู้กำหนดกรอบเวล ให้เรา และมันเกินกำลังของเราที่จะเปลี่ยนกรรม ทว่าผมก็สามารถแก้ไขกรรมให้เบาบางลงได้ด้วยการวิปัสสนา
การวิปัสสนา ทำให้ผมทำงานช้าลง มีสมาธิ และใช้เวลาทำงานน้อยลงจากที่เคยทำ ผมแบ่งเวลาในการทำสมาธิให้บ่อยขึ้น และทำกิจกรรมเพื่อสาธารณกุศลได้มากขึ้นด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไปผมไม่เสียใจกับสิ่งใดๆ ที่เคยผ่าน เข้ามาในชีวิตผมเลย ผมไม่เคยคิดว่าอยากเปลี่ยนอะไรบน เส้นทางชีวิตของผม เพราะหากคุณเปลี่ยนสิ่งหนึ่ง สิ่งต่างๆ อีกมากมายก็จะเปลี่ยนไปด้วยเป็นผลกระทบแบบระลอก คลื่น ดังนั้น ผมจึงไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แม้แต่ความ ผิดพลาดอันเจ็บปวดที่ผมเคยทำาลงไปก็ตาม
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 56 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่