เส้นทางฝันในคอร์ตแบด กับเป้าหมายที่มีเพียงหนึ่งเดียว
เมื่อ 16 ปีที่แล้วเด็กชายขี้โรควัย 7 ขวบคนหนึ่งได้เริ่มจับ ไม้แบดมินตันเป็นครั้งแรก เหตุผลง่ายๆ คือ อยากหายจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นโรคประจำตัว และอยากช่วยครอบครัวลดค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากครอบครัวไม่ได้มีฐานะดีมากนัก จากความจำเป็นกลายเป็นความสนุก พัฒนาเป็นความชอบ และเริ่มลงแข่งขันในรุ่นอายุต่ำกว่า 9 ปี พร้อมได้ถ้วยรางวัลกลับบ้านจนเป็นเรื่องปกติ จนเมื่อเขาอายุได้ 10 ขวบ เด็กน้อยคนนั้นก็ตั้งเป้าหมายเส้นทางชีวิตไว้ 3 ข้อ และเมื่อปีที่แล้ว เขาก็ได้ทำตามเป้าหมายแรกได้สำเร็จ คือการเป็นแชมป์โลก แบดมินตันชายเดี่ยว World Championship 2023
แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สำหรับ วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ผู้ซึ่งเพิ่งคว้าเหรียญเงินจากการแข่งขันแบดมินตันใน โอลิมปิกเกม กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาหมาดๆ เขากำลังอยู่ครึ่งทางของเป้าหมายทั้ง 3 ข้อ
Exclusive Talk ฉบับนี้ เราได้มีโอกาสล้วงลึกถึงมุมมองของสุดยอดนักกีฬาของโลกที่เป็นแรงบันดาลใจของเด็กไทย หลายล้านคนให้กล้าทำตามความฝัน เราพบว่าเบื้องหลังของพลังความมุ่งมั่นของวิวนั้นคือการได้ดูแลครอบครัวให้สุขสบาย และสิ่งนี้เองที่ทำให้เด็กน้อยวันนั้นสามารถรักษาความมุ่งมั่น ทรหดมาได้จนถึงวันนี้ ยอมทนทำสิ่งเดิมๆ ที่เจ้าตัวยอมรับว่า เบื่อแสนเบื่อมาได้ตลอดชีวิต และนับจากนี้ สายตาของวิวจะจับจ้องแต่เพียงเหรียญทองที่เขาได้ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า ตัวเขานั้นจะเป็นแชมป์โลก แชมป์โอลิมปิก และแชมป์ออลอิงแลนด์โอเพน อันเป็นรางวัลการแข่งขันแบดมินตันเก่าแก่ที่สุดของโลก
เหตุผลที่วิวเริ่มเล่นแบดมินตันมาจากสุขภาพ นอกจากนี้แล้ว กีฬาให้อะไรอีกบ้าง
สำหรับผม กีฬาให้ทั้งสุขภาพ รวมถึงชื่อเสียงและเงินทองที่ตามมา ช่วงเด็กๆ ผมจะมีน้ำมูกตลอดเวลาที่อากาศเย็นๆ โรคภูมิแพ้เนี่ยมันไม่หายขาด มันเป็นโรคประจำตัว แต่การเล่นกีฬาทำให้อาการดีขึ้น ตอนนั้นเราเล่นเพื่อแค่ให้บรรเทาลง ไม่ให้อาการไปถึงขนาดหายใจไม่ออก เวลาไปยุโรป ถ้าอากาศไม่เย็นมากก็พอได้ แต่ถ้าเย็นจัดๆ ก็เกิดอาการแพ้เลย แต่พอเริ่มเล่นไปเรื่อยๆ มันให้อะไรมากกว่านี้ มันสร้างชื่อเสียงให้ผม ให้ประเทศชาติได้ และนำเอาชื่อเสียงมาสร้างประโยชน์ต่อยอดได้อีก
ณ วันนี้ จะให้คำนิยามต่อแบดมินตันว่าอะไรคะ
มันคือชีวิตของผมแล้ว มันเกินคำว่าแพสชันไปแล้ว เราอยู่กับมันมาเกินครึ่งชีวิต เล่นแบดมินตันมาเกิน 16 ปี และตอนนี้ ผมอายุ 23 ปีแล้ว ดังนั้นมันคือชีวิตทั้งชีวิตของผมเลย
เคยคิดหรือไม่คะว่า ถ้าตอนนั้นไม่เริ่มเล่นแบดมินตัน จะทำอะไรอยู่ตอนนี้
ตอบยากมากเลยครับ จริงๆ แล้วเนี่ย พอเล่นแบดฯ แล้ว เราก็แทบไม่ได้จับกีฬาอื่นเลย และไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย นอกจากฝึกซ้อม ก็มองตัวเองไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปทำอะไร
ก่อนหน้าเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงเวลาที่ฝึกซ้อมนั้น มีความรู้สึกเบื่อเหมือนกับคนอื่นๆ เวลาเบื่อมากๆ เบื่อสุดๆ ทำอย่างไร
เป็นเรื่องปกติของนักกีฬาที่ต้องเจอกับการวนลูปเดิมๆ ผมเชื่อว่าถ้าเราผ่านจุดเบื่อของตัวเองได้ ทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่บางคนที่เบื่อหรือท้อไปก่อนกลางทาง ผมรู้สึกว่าพวกเขาแทบไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลย แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ยังคงพยายามอยู่ ตอนนั้นผมว่าแพสชันแค่ส่วนหนึ่ง เพราะมีแพสชันตลอดคงเป็นไปไม่ได้
ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าแพสชันคืออะไร อะไรที่วิวคิดว่าจะพาเราไปถึงเหรียญทองโอลิมปิกได้
เป็นการมีเป้าหมายดีกว่า ถ้าเป้าหมายชัด เราจะทำมันต่อไปได้เรื่อยๆ สำหรับผม ถ้าเราทำเพื่อเป้าหมาย เราจะโฟกัสได้ถูกจุด อย่างเดือนสิงหาคมที่มีการแข่งใหญ่ๆ จะเป็นเป้าหมายหลักของผม ก่อนหน้าเราก็ต้องซ้อมให้ดีเพื่อเก็บคะแนนไป เมื่อถึงเดือนสิงหาคมที่มีการแข่งใหญ่ๆ ต้องเป็นช่วงที่เราต้องทำได้ดีที่สุด
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 59 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่