มนุษย์นั้นแสวงหาชีวิตอันเป็นอมตะมานานแสนนาน จาก ตำนานน้ำพุแห่งความเยาว์วัยในปรัมปรากรีก ความ เชื่อเรื่องเลือดของสาวพรหมจรรย์ในยุโรปยุคกลาง มาจนถึง เทคโนโลยีการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ หรือแม้กระทั่งกระบวนการ เก็บรักษาร่างของคนที่เสียชีวิตไปแล้วด้วยความหวังว่า เมื่อการแพทย์มีความก้าวหน้าขึ้นในอนาคต ก็จะสามารถทำให้ผู้นั้นฟื้น จากความตายได้ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ มนุษย์ที่จะหลีกหนีจากความตาย
ในบางสังคมนั้นถึงกับห้ามพูดเรื่องความตายกันเลยทีเดียว หนังสือเกี่ยวกับความตายนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับหนังสือ ประเภทอื่นๆ และมักมาในแนว จะชะลอความเสื่อมหรือความชราได้อย่างไร หรือมีวิทยาการประเภทไหนที่จะช่วยยืดอายุขัย และเมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวอภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกันวัย 45 ปี นาม ว่า ไบรอัน จอห์นสัน ผู้ก่อตั้ง Braintree บริษัทให้บริการด้าน ธุรกรรมออนไลน์ที่ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ PayPal ได้ออกมา แบ่งปันประสบการณ์การทดลองใช้ชีวิตเพื่อคงความเยาว์วัยและ ความเป็นอมตะ
เขาตั้งชื่อโครงการนี้ว่า “โครงการบลูพรินต์” ซึ่งครอบคลุม การดูแลสุขภาพมากกว่าเรื่องของการกินอาหารแนวสุขภาพและ การออกกำาลังกาย มีการตรวจระดับสารสำคัญในเลือด และรับ การถ่ายเลือดจากบุตรชายวัย 17 ปีของเขาเป็นประจำ เพื่อช่วย ให้ระบบเลือดในร่างกายของเขามีความแข็งแรงสดชื่นอย่างคน หนุ่ม หลังจากมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระบุว่า เลือดของคนหนุ่มสาวช่วยชะลอวัย แต่ล่าสุดได้ยกเลิกวิธีการนี้ หลังจากพบว่าไม่ได้ผลเท่าที่ควรกับคนที่สุขภาพแข็งแรงอยู่แล้ว
ข่าวนี้ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก นิตยสารฟอร์จูนระบุว่า เขา ใช้เงินประมาณปีละ 2 ล้านดอลลาร์เพื่อดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยในแต่ละวัน เขากินวิตามินถึง 80 เม็ด เมื่อถูกถามว่า เขา ตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปอย่างนั้นหรือ? เขาตอบว่า “ในตอนนี้ ผมยังไม่มีแผนว่าจะตายนะ”
จากคนที่เคยมีน้ำหนักเกิน มีปัญหาหดหู่และเครียด จอห์นสัน บอกว่า เขาไม่เคยรู้สึกสดชื่นแข็งแรงทั้งกายและใจขนาดนี้มาก่อน นับตั้งแต่ที่เขาหันมาใช้ชีวิตตามโปรแกรมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว นอกจาก จอห์นสันแล้ว ยังมีมหาเศรษฐีอีกหลายคนที่กำลังพยายามทุกวิถี ทางเพื่อขัดขวางกระบวนการแห่งความตาย ด้วยความเชื่อมั่นว่า ความตายไม่ใช่สิ่งที่ต้องยอมรับ
สื่อยักษ์ใหญ่ ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า ในช่วงทศวรรษ ที่ผ่านมา มีการทำวิจัยด้านชะลอวัยกันอย่างกว้างขวาง ความ หมกมุ่นในเรื่องนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนในกลุ่มมหาเศรษฐีรุ่นใหม่ ในเขตซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งมักจะอายุไม่มาก มีทรัพย์สินมากมาย แถมยังมีอิทธิพลไม่น้อย ด้วยความที่เพิ่งจะร่ำรวยได้ไม่นาน และ ทรัพย์สินต่างๆ ก็ยังคงเติบโตไม่หยุด แล้วจะยอมให้ความตายมาพรากไปได้อย่างไร จึงต้องอยู่ให้นานที่สุดเพื่อจะได้ใช้เงินแสวงหา ความสุขอย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่น วีตาลิค บูเจริน ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum สกุล เงินดิจิทัลขนาดใหญ่ ซึ่งกล่าวว่า “เรื่องของความแก่ชรานั้นเป็น ปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการทางโครงสร้าง… มันคือมหันตภัยของ มนุษยชาติ” ส่วนเจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ บริหารของ Amazon ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของโลกก็ได้สร้าง Altos Labs ขึ้น เพื่อวิจัยและพัฒนาด้านการปรับเปลี่ยนเซลล์และ พันธุกรรม โดยมีเป้าหมายที่จะเอาชนะความตาย ด้วยความเชื่อว่า “ความตายเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้”
แม้ว่าเป้าหมายสูงสุดของคนเหล่านี้คือการมีชีวิตอมตะ ซึ่งยัง คงต้องรอดูกันต่อไป แต่จะคุ้มกันไหมกับสภาพของโลกที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบัน? ที่สำคัญ เราอยากเป็นอมตะจริงหรือ? และถ้าพิจารณา อย่างจริงจัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ต่างขวนขวายแสวงหานั้น มี เป้าหมายเพียงสิ่งเดียวคือความสุขมิใช่หรือนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน สตีเวน รีสส์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับ แรงจูงใจของคนต่างวัฒนธรรมใน 4 ทวีป รวม 6,000 คน คำาตอบ ทั้งหมดที่ได้มาครอบคลุมถึงความต้องการพื้นฐานและความ ต้องการเข้าถึงศักยภาพสูงสุด โดยทั้งหมดนำาไปสู่ความสุขและ ความเป็นอยู่ที่ดี แต่ไม่มีคำาตอบไหนที่โยงไปถึงเรื่องการมีชีวิตอมตะ เลย แม้เป็นเพราะว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อ แต่ลึกๆ แล้วเราต่างรู้กันดีว่าความสุขคือองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการมีอายุยืนยาว ในทางกลับกัน การมีอายุยืนไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุข เสมอไป
อย่างไรก็ตาม การทดลองเหล่านี้นับว่าน่าสนใจไม่น้อย สำหรับเราๆ ท่านๆ ที่อยากจะใช้ชีวิตโค้งสุดท้ายอย่างมีคุณภาพ และสดใสแข็งแรง ทีมแพทย์ส่วนตัวประจำโครงการกว่า 30 คนได้พิสูจน์แล้วว่า กิจวัตรของจอห์นสันมีส่วนช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ได้จริง ผลงานวิจัยเหล่านี้จึงนับว่ามีความสำคัญมากทีเดียว เพราะบรรดาผู้สูงวัยทั้งหลายคงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับไม้เท้าหรือ นอนติดเตียงเป็นแน่
สำหรับคนที่ยังอยากหนีความตายให้ได้ อยากให้ลองถาม ตัวเองจริงจังว่า เป็นเพราะเรากลัวความเจ็บปวดทรมานใน วินาทีที่จากไป หรือกลัวการพรากจากคนที่รักไปกันแน่ และ หากว่า ในยามที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิต แต่คนที่รักกลับจากไป หมดสิ้น ความอมตะยังเป็นสิ่งน่าปรารถนาหรือไม่?
เมื่อพิจารณารอบด้านแล้ว ในที่สุดเราจะรู้ว่า สิ่งที่ต้องทำ คือ เพียงแค่ยอมรับว่าความตายคือวัฏจักร เป็นธรรมชาติของโลก และเตรียมพร้อมที่จะจากไปอย่างสงบเท่านั้นเอง
ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ แต่ลาภอันวิเศษยิ่งไป กว่านั้น คือการมีจิตใจที่ปราศจากความอยากมี อยากได้ อยากเป็น หรือการยึดติดใดๆ ทั้งปวง