
เสียงเพลง ลูกหนังและหัวใจแบบบริติช
ฤดูกาลพรีเมียร์ลีกกำลังจะกลับมาอีกครั้ง ร้านขายเสื้อแข่งเริ่มคึกคักผู้คนในคาเฟ่พูดถึงเกมเปิดสนามอย่างออกรส ทุกอย่างกำลังสร้างบรรยากาศสู่วันคิกออฟ แต่ระหว่างที่เกมยังไม่เริ่ม เรามาออกเดินทาง เพื่อไปรู้จักสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งอังกฤษให้มากกว่าที่กล้องถ่ายทอดให้เห็น ลิเวอร์พูล เมืองที่เติบโตเคียงข้างเกมลูกหนังมาหลายทศวรรษ
Day 1 – Welcome to LIVERPOOL, A CITY CALLEDTHE RIVER’S EDGE,A FAITH CALLED ANFIELD
จากสถานี Liverpool Lime Street เรานั่งแท็กซี่ราว 15นาทีเข้าสู่เขต Anfield ย่านเล็กๆ ที่ดูเงียบในยามเช้า แต่กลับเป็นหัวใจของแฟนบอลทั่วโลก
‘Anfield’ ศรัทธาที่หล่อหลอมเมืองนี้

เริ่มทัวร์กันที่ The Liverpool FC Story and Museumพิพิธภัณฑ์หลักของสโมสรที่รวบรวมประวัติศาสตร์กว่า 130 ปีไว้ครบ ทั้งถ้วยแชมป์ยุโรป 6 สมัย เสื้อแข่งในตำ นาน ไปจนถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคลสำ คัญอย่างบิลล์ แชงคลีย์ และเยอร์เกนคล็อปป์ วิธีเล่าเรื่องที่ทำ ให้เรารู้สึกเหมือนเดินไปพร้อมทีมในทุกยุค จากนั้น ไกด์พาเราเข้าสู่โซนเบื้องหลัง ทั้งห้องแถลงข่าวห้องแต่งตัวทีมเยือน และห้องแต่งตัวทีมเหย้า จุดเริ่มต้นของทุกเกมสำ คัญที่แอนฟิลด์ จากนั้นก็เป็น Players’ Tunnel อุโมงค์ทางเดินที่นำ สู่สนามแอนฟิลด์ จุดที่ทุกคนต้องเงยหน้ามองป้าย“This is Anfield” เป็นสัญญาณให้นักเตะพร้อมรับเสียงเชียร์ของแฟนบอลนับหมื่นที่รออยู่ภายนอก
เราก้าวขึ้นบันไดไปยังฝั่ง The Kop อัฒจันทร์ฝั่งตะวันตกที่จุผู้ชมได้กว่า 12,000 คน สิ่งที่ทำ ให้แอนฟิลด์ไม่เหมือนที่อื่นคือความใกล้ชิดระหว่างนักเตะกับแฟนบอล สนามแห่งนี้ไม่มีรั้วกั้น ไม่มีลู่วิ่ง ทุกอย่างออกแบบมาเพื่อให้แฟนบอลกลายเป็นส่วนหนึ่งของเกม ไม่ใช่แค่ผู้ชม ใครที่เคยมา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แอนฟิลด์ไม่ใช่แค่สนามฟุตบอล แต่มันคือ “บ้านแห่งจิตวิญญาณ” ที่ส่งต่อความศรัทธาจากรุ่นสู่รุ่น เหมือนคำ ของแชงคลีย์ว่า “This is not just football. It’s life.”
…
เสียงเพลงจากท่าเรือเก่าลมหายใจของลิเวอร์พูล
เข้าสู่ Royal Albert Dock ที่ถูกปรับเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นย่านพิพิธภัณฑ์ คาเฟ่สุดฮิต และแกลเลอรีมากมายริมอ่าวเมอร์ซีย์ เราตรงไปที่Merseyside Maritime Museum เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่สำ คัญที่สุดของเมือง ซึ่งได้สะท้อนอดีตของลิเวอร์พูลในฐานะเมืองท่าสำ คัญอันดับต้นๆ ของโลก…
The Beatles Storyเมื่อเมืองสร้างตำนานดนตรี
จากท่าเรือ เราแวะที่ The Beatles Storyนิทรรศการที่บอกเล่าตำ นานวงดนตรีจากเมืองนี้ผ่านการจัดแสดงตั้งแต่ยุคเริ่มต้นใน The CavernClub บนถนน Mathew Street จนถึงช่วงรุ่งเรืองที่ Abbey Road พร้อมภาพถ่ายหายาก สตูดิโอจำลอง รวมถึงบทสัมภาษณ์จากคนใกล้ตัว…

Day 2: Welcome to MANCHESTER Where Red Bricks Meet Innovation

เรานั่งรถไฟจาก Liverpool Lime Street ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึง Manchester Piccadilly แม้จะไม่ไกลมาก แต่บรรยากาศเปลี่ยนไปเลย ลิเวอร์พูลมีลมทะเลเย็นๆ กับกลิ่นอายเมืองท่า ส่วนแมนเชสเตอร์เข้มขรึมด้วยอารมณ์ของเมืองอุตสาหกรรมเก่าแก่ เริ่มต้นวันที่ Northern Quarter ย่านที่เต็มไปด้วยคาเฟ่น่ารักๆ บาร์เก๋ๆ ร้านแผ่นเสียงเก่า กับสตรีตอาร์ตซ่อนอยู่ตามซอกตึกเก่า แวะจิบกาแฟที่ Ezra & Gil ก่อนเดินต่อไป JohnRylands Library ห้องสมุดประวัติศาสตร์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ
อาคารนี้สร้างเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ในยุควิกตอเรีย สไตล์นีโอกอทิก ผสมความงดงามของโบสถ์ยุคกลางกับโครงสร้างเหล็กหล่อและระบบไฟฟ้าที่ล้ำ สมัยมากในตอนนั้น ถึงจะดูเหมือนโบสถ์เก่าจากข้างนอก แต่ข้างในโปร่งสบาย เงียบสงบ แสงแดดลอดผ่านกระจกสีเข้ามาส่องผนังหินกับชั้นหนังสือไม้โอ๊ก เป็นความสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศที่พลุกพล่านจากด้านนอก
‘Old Trafford’ โรงละครของความฝัน
เราขึ้น Metrolink ต่อไปยัง Old Trafford สนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์รวมของความทรงจำความฝัน และตำนานที่ยังมีชีวิตทุกครั้งที่เสียงนกหวีดแรกดังขึ้น เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1910 จุผู้ชมได้กว่า 74,000 คน และเคยเป็นบ้านของนักเตะระดับตำนาน ตั้งแต่ยุคจอร์จ เบสต์ ไปจนถึงคริสเตียโน โรนัลโดคำว่า “Theatre of Dreams” ที่เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตันเคยกล่าวไว้ จึงไม่ได้เป็นเพียงวลีสวยหรู…
ริมคลองแห่งศิลปะและสงคราม
เรานั่งรถต่อไปยัง Salford Quays ย่านริมแม่น้ำที่เคยเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมมาก่อน แต่ถูกพัฒนาใหม่กลายเป็นแหล่งรวมศิลปะ พิพิธภัณฑ์ และศูนย์กลางสื่อของเมือง ริมฝั่ง Manchester Ship Canal จะเห็นอาคารทรงโค้งล้ำสมัยของ The Lowry ศูนย์ศิลปะร่วมสมัยที่รวมทั้งโรงละคร แกลเลอรี และพื้นที่จัดแสดงงานสร้างสรรค์ไว้ในที่เดียว
ข้ามสะพานไปอีกฝั่งคือ Imperial War Museum Northอาคารทรงเรขาคณิตสีเทาเข้มที่ออกแบบโดย Daniel Libeskindสื่อถึงโลกที่แตกสลายจากสงคราม ใช้เทคโนโลยีจัดแสดงแบบImmersive ที่ทำให้สัมผัสเรื่องราวได้มากกว่าการอ่านป้าย ก่อนพระอาทิตย์ตก เราแวะเดินเล่นต่อที่ Castlefield ย่านริมคลองเก่าแก่ใจกลางเมืองซึ่งยังคงเก็บรายละเอียดของยุคอุตสาหกรรมไว้ครบ ทั้งสะพานเหล็ก อิฐเก่า และซุ้มโค้งที่ทางเดินไม้ลัดเลาะผ่าน เสียงน้ำกระทบตอม่อเบาๆ และเรือแคบ (Narrowboat) สีสดที่จอดเรียงราย กลายเป็นวิวพักสายตาที่ให้ความสงบ
ปิดท้ายวันด้วยมื้อค่ำ สไตล์บริติชแบบเรียบง่ายไปฝากท้องที่ The Edinburgh Castle ในย่าน Ancoats ร้านเก่าแก่อายุกว่า 200 ปีแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยยังคงเสน่ห์เดิมไว้ครบถ้วน เสิร์ฟเมนูท้องถิ่นฟิวชัน อย่าง Pork chop with MustardSauce หรือ Ale Pie ที่ได้รสชาติเข้มข้นแบบต้นตำรับ เป็นการจบวันที่พอดีโดยไม่ต้องเร่งรีบ
—
ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee
