Skip to content Skip to footer

จุดเปลี่ยนชีวิต

อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล

สำหรับผู้ที่ไม่ยอมออกปฏิบัติธรรมจริงจัง ย่อมไม่มีวันเข้าใจว่า การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพียง 7 วัน สามารถเปลี่ยนชีวิตคนทั้งชีวิตได้อย่างไร ธรรมต้องการการพิสูจน์ เพราะธรรมเป็นปัจจัตตัง มิใช่เพียงจำถ้อยคำหรือจินตนาการอยู่ คำสอนวันนี้ได้นำบทความที่เคยเขียนไว้ มาลดทอนให้สั้นลง คือ การมีจุดเปลี่ยนในชีวิต ซึ่งผู้จะเข้าถึงธรรมได้มักต้องประสบกับจุดเปลี่ยนอันสำคัญ

คำว่า “Turning Point” จุดเปลี่ยนชีวิต เป็นคำที่โดนใจ คือมันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฝ่ามือจากอีกขั้วไปสู่อีกขั้ว ซึ่งน้อยคนนักที่จะมี TurningPoint เพราะคนส่วนใหญ่กลัวการเปลี่ยนแปลง

จุดเปลี่ยนชีวิตของอาจารย์ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่า การหักดิบกิเลสมายา ออกมาเป็นครูสอนธรรมะ หมุนหักดิบ 360 องศาเลย เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มาก

คนที่เห็นชีวิตอาจารย์มานานก็ยังไม่อยากเชื่อว่าชีวิตเราเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้ยังไง จากนักแบรนด์เนมนิยมมาเป็นโอท็อปนิยม จากคนที่ปรุงกิเลสสุดโต่งมาสู่สายธรรมสุดขั้ว การมีทางเลือก คือการท้าทาย ถ้าชีวิตไม่มีทางเลือก เราก็จะไม่มีโอกาสได้รู้จักความเข้มแข็งของตัวเอง ถ้าชีวิตถูกกำหนดมาแล้วทุกอย่างแล้วชีวิตจะมีความหมายอะไร ดังนั้นคนเราจึงเกิดมาด้วยกรรม 60% อีก 40% ที่เหลือคือทางเลือกว่า จะเลือกทำชีวิตให้ไปที่มืดหรือที่สว่าง จะไปนรก ไปสวรรค์ หรือนิพพาน โปรดเลือกด้วยตัวเอง

จุดเปลี่ยนของคนส่วนใหญ่มักเกิดจากโศกนาฏกรรมชีวิตแต่คนกล้าเปลี่ยนชีวิตโดยไม่ถูกบีบคั้นจากโศกนาฏกรรม ย่อมอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งกว่า เพราะเป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตตัวเอง ไม่ได้เปลี่ยนเพราะแรงดันจากโชคชะตา

เคยมีคนสงสัยว่า เมื่ออาจารย์ออกมาจากชีวิตแบบนั้น มาถึงขั้นสอนวิปัสสนา ปฏิบัติธรรมเป็นหมื่นชั่วโมง และอุทิศตนให้พระศาสนานี่ อาจารย์ใช้ชีวิตอย่างไร จริงๆ แล้ว ความน่าสนใจมันอยู่ที่ว่า ก่อนหน้าที่จะพลิกชีวิต อาจารย์ใช้ชีวิตยังไงต่างหาก

เมื่อก่อนสมัยที่ทำธุรกิจ อาจารย์ใช้เงินโดยไม่รู้จักหลักร้อยของอะไรที่เป็นหลักพันนี่คือถูกหมด หลักร้อยหลักสิบนี่ ลืมไปจากระบบชีวิต ซื้อของหลักพันนี่เฉยมาก หลักหมื่นมีคิดสามนาที หลักแสนหากคุ้มค่าดูดีก็ย่อมได้ หลักล้านนี่ต้องมองในด้านของการลงทุน เวลาเสร็จจากการงานก็ต้องไปออกงานสังคม 60% ไปเพื่อรักษาระดับธุรกิจ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้า 20% ไปเพราะสนุกอีก 20% ไปด้วยความนับถือหรือต้องการตอบแทนกัน เช่น งานกุศล งานศพ งานแต่งงาน ซึ่งส่วนนี้ยังปฏิบัติอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้

การเข้าสังคมนี่ทำให้หลงมาก เพราะต้องแต่งตัว ต้องรักษาภาพพจน์ ต้องใช้ของแพงๆ ถือกระเป๋าไม่หรูก็ดูกระจอก ซึ่งจะมีผลต่อธุรกิจด้วย สังคมนี้เขาเหลือบมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้า คำว่าเหลือบนี่คือเหลือบจริงๆ คือ คอแข็งเหมือนถูกดามแบบไม่กระดิก ปากคุยอยู่กับอีกคนแต่ใช้สายตากวาดมองอีกคนตั้งแต่บนลงล่าง หน้าผมดูดีหรือดูพยายามเกินเหตุ งานสังคมแต่ละงานเขาจะมีออร์แกไนเซอร์จัดงานอย่างเลิศหรู ยิ่งงานที่เป็นแบรนด์ นอกจะเน้นความโก้ดูดีเป็นพิเศษ อาหารต้องมาจากโอเรียนเต็ล มีประชาสัมพันธ์และนักข่าวมาคอยถ่ายรูปแขก

เหตุเพราะมายาพาลุ่มหลงเช่นนี้ คนมากมายจึงอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชั้นสูง เพราะอยากได้ความ “เป็นคนพิเศษ” คนที่จะมาสู่พื้นที่ตรงนี้ได้ คนวงในเขาจะสแกนกันเองเขาเช็กกันละเอียดยิบ โดยเฉพาะสื่อ เป็นใคร มาจากไหน ลูกท่านหลานเธอหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ทำธุรกิจอะไร มีคอนเน็กชันมากับใคร สายไหน แต่ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดมาอย่างไรก็ตาม “เงิน..คือตัวตัดสิน” หากมีเงินด้วยและดังด้วย Welcome to my world.

จากได้เห็นและเป็นไป จากสนุก ก็เริ่มไม่สนุก เห็นอนิจจังเห็นความดิ้นรนของคนนอก เห็นความพยายามรักษาสถานะของคนใน และเหนืออื่นใด เห็นจิตใจของตนเอง อัตตาๆๆ ยิ่งอยู่ยิ่งหลง ยิ่งเสพยิ่งติด หลงกับความสุขและความสนุกอันฉาบฉวยแต่หากมีปัญญาจะเห็นว่า นี่คือกับดักให้หลงคิดว่าตนวิเศษเลอเลิศ สิ่งที่เห็น งานที่ไป ก็ล้วนแต่วนอยู่ในอ่าง ออร์แกไนเซอร์หมดมุข แต่เจ้าของงานต้องดำเนินชีวิต ต้องขายของ สร้างอิมเมจสร้างผลงานกันต่อไป

ความเบื่อหน่ายเป็นส่วนหนึ่งของจุดเปลี่ยน แต่จุดเปลี่ยนชีวิตจริงๆ คือ การไม่เห็นคุณค่าและหมดรักในสิ่งที่ตนทำ เพราะเมื่อได้เห็นธรรม จิตรู้ก็สอนตนทันทีให้ตระหนักว่างานของตัวเองมีสารพัดพิษอยู่ในนั้น งานขายและออกแบบเครื่องประดับเพชรเป็นการสร้างกิเลสตัณหาให้กับคนอื่น วันนี้มีเพชรเม็ดเท่านี้ วันหน้าต้องมีให้ใหญ่กว่า วันนี้มีสร้อยเส้นนี้ วันหน้ามีคอลเลกชันใหม่ที่เลิศเลอกว่า มีแต่ปั่นๆๆ ปั่นความลุ่มหลงและอัตตาให้กับมนุษย์ เพราะการปั่นคือความสำเร็จของงานอาชีพ แล้วกิเลสนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ด้วยการถูกกิเลสของคนอื่นกระแทกอารมณ์ทุกเมื่อเชื่อวัน ณ เวลานั้นจึงเริ่มวางแผนเลิกทำธุรกิจภายใน 7 ปี

ชีวิตที่ผ่าน ไม่มีอะไรที่ไม่เคยได้พบได้เห็น ทุกข์ที่สุดก็เจอมาแล้ว สุขที่สุด ก็ได้มาแล้ว สิ่งที่เคยรักก็หมดรักเสียแล้ว ทางเลือกใหม่ในชีวิต ก็แจ่มชัดอยู่ในมโนทัศน์ โลกมายานี้เห็นทะลุปรุมิติหาคุณค่าที่แท้จริงไม่ได้ งานเลี้ยงจึงต้องมีวันเลิกรา…

ก่อนจะประกาศอำลาชีวิตธุรกิจ อาจารย์วางแผนทุกอย่างให้เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้กระทบชีวิตคนอื่นๆ โดยเฉพาะพนักงาน จนชีวิตลงตัว ก่อนจะตัดสินใจมีความกังวลอยู่อย่างเดียว คือ ด้วยความที่เป็นคนมีพลังงานเยอะ เมื่อไม่ทำงานแล้วชีวิตจะอับเฉาไหมหนอ แต่พอได้เปลี่ยนชีวิตจริงๆ ความกังวลนั้นถูกแทนที่ด้วยความสุขสงบ ที่ไม่เคยได้พบมาก่อน พลังงานที่มีใช้ไปในการทำงานเพื่อพระศาสนา กลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ข้าวของ แบรนด์เนมมากมายถูกนำมาขาย เพื่อสมทบทุนงานธรรม นอกเหนือจากการบริจาคทรัพย์ ความเสียดายไม่มีแม้เพียงนิด ตาสว่าง ใจสว่าง มารเอ๋ย วันนี้เจ้าเป็นเพียงของโละสต๊อก ที่เราโละเจ้าไปพร้อมๆ กับกิเลส และอัตตาที่อยู่ในตัวเราเรามีคุณค่าด้วยธรรมของเรา ไม่ใช่ด้วยมายาของเจ้า

วันนี้ รองเท้าคู่ใจของเราคู่ละ 200 บาท ซื้อมาจากงานโอท็อป ใช้ใส่เดินไปทั่วผืนแผ่นดินธรรม รองเท้าเริ่มมีรอยขาดก็ยังพอใส่ไปก่อนจนกว่าจะหมดอายุขัย แว่นกันแดดใสสะอาดไม่มีโลโก้บอกยี่ห้ออันใด ประกาศตัวให้รู้ว่า เรายืนอยู่คนละฝั่งกับมาร…

อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนชีวิต แต่ผู้ที่มีภาระต้องมั่นใจว่า การตัดสินใจของตนต้องไม่ทำความลำบากอย่างฉับพลันให้แก่คนอื่นคนเรามีสถานะที่ต่างกัน แต่ทุกคนมีหน้าที่เหมือนกัน คือ หน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น หากเราวางแผนชีวิตให้ดี เมื่อถึงวันงานเลี้ยงเลิกรา ทุกคนก็จะเดินจากกันไปด้วยความทรงจำดีๆ ที่มีต่อกัน

อาจารย์ไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อยกับชีวิตที่จากมา รู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ขอบคุณที่ได้มีวันนั้น ขอบคุณที่ชีวิตทำให้เราได้รู้จักความทุกข์ สอนให้รู้จักความสุข ทำให้รู้จักความล้มเหลวสอนให้ได้รู้จักความลุ่มหลง ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติ ขอบคุณทุกคนที่เกื้อหนุน ขอบคุณทุกคนที่รัก ขอบคุณทุกคนที่ชัง ชีวิตสองด้าน สอนอะไรให้เรามากมาย สอนให้อยู่อย่างที่ควรจะอยู่หากยังไม่รู้จักชีวิตอย่างถ่องแท้ วันนี้อาจยังอยู่ด้วยความสงสัยว่าความสำเร็จทางโลกเป็นอย่างไร ความลุ่มหลงให้บทเรียนอะไรกับชีวิต

วันนี้ไม่มีคำถามใดที่ไม่มีคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นคำถามทางโลกและทางธรรม ทุกอย่างสว่าง กระจ่างแจ้งอยู่ในหัวใจ

สูงสุดคืนสู่สามัญ ข้าวมื้อละหนึ่งหมื่น อร่อยเท่ากับข้าวไข่เจียวจานเดียวที่บ้าน ….C’est La vie นี่แหละ คือชีวิต

ท้ายที่สุด ไม่ว่าใครจะยืนอยู่ที่จุดใด บางชีวิตเพิ่งเริ่มต้นบางชีวิตกำลังเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ ทุกคนควรมีความรู้สึกที่ดี และเห็นคุณค่าของการได้มีชีวิต แม้บางช่วงจะมีขมขื่นบ้าง แต่มันก็เป็นภาคสนาม เป็นบททดสอบกำลังใจ จุดเปลี่ยนชีวิตของทุกคน ควรเกิดจากกำลังใจที่แข็งแกร่ง มิใช่เกิดจากกรรมเป็นตัวกำหนด กำหนดชีวิตตัวเองให้ได้ จะเลือกบินสูงหรือบินต่ำ จะอยู่แบบกลางๆ หรืออยู่ไปวันๆ

จงอยู่ในแบบที่ควรอยู่ วางตนให้เหมาะสมกับทุกสถานะและบทบาทที่ตนสวมอยู่ และพึงรู้ไว้เถิดว่า จุดสูงสุดของชีวิตคือจุดที่อยู่เหนือพลังจักรวาล การได้เป็นผู้ที่..อยู่เหนือกรรมทั้งปวง

สูงสุดและเที่ยงแท้ คือ ธรรม



ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee