เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียประกาศออกกฎหมายแบนการใช้โซเชียลมีเดีย ในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี นับว่าเป็นมาตรการลงดาบที่เด็ดขาดที่สุดเท่าที่เคยมาเพื่อแก้ปัญหาอัตราเด็กเป็นโรคสมาธิสั้น ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และฆ่าตัวตายจากการโดนบูลลี่ที่พุ่งขึ้น โดยกฎหมายนี้ จะมีผลในอีก 12 เดือนข้างหน้า
หลายฝ่ายมองว่ามาตรการนี้สุดโต่งเกินไปและลิดรอนสิทธิของเด็กในการแสดงออก โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานด้านประเด็นทางสังคมที่การมีสังคมออนไลน์จะช่วยขับเคลื่อนความตระหนักรู้ในวงกว้าง ได้แสดงความเป็นห่วงว่าจะเป็นการปิดกั้นโอกาสการเข้าถึงตรงนี้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าเด็กๆ จะหาวิธีแอบเข้าจนได้ ส่งผลให้ความเสี่ยงโดนมิจฉาชีพหลอกลวงเพิ่มขึ้น
แต่ผลสำรวจทั่วประเทศพบว่า ฝั่งพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาต่างเห็นด้วยกับนโยบายนี้อย่าง ยิ่ง เพราะพฤติกรรมการท่องอินเทอร์เน็ตและจำนวนชั่วโมงออนไลน์ในแต่ละวันของเด็กๆ เกินขอบเขตคำว่าเพื่อการเรียนรู้ไปมาก และมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมอย่างเห็นได้ชัด
หลายครอบครัวคงกังวลเรื่องควรทำอย่างไร ให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ราบรื่นมากที่สุด นอกเหนือจากการใช้เวลาครอบครัวร่วมกันแล้ว งานบ้าน คือ คำตอบ
ผลการศึกษา Harvard Grant Study ซึ่งเป็นการศึกษาระยะยาวที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ 85 ปี และยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน พบว่าคนที่ประสบความสำเร็จกว่า 700 คนที่เข้าร่วมโครงการนั้น ต่างได้รับมอบหมายให้ทำงานบ้านตามความเหมาะสมในวัยเด็กทั้งสิ้น เด็กที่ได้เรียนรู้ความรับผิดชอบในหน้าที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่นึกถึงผู้อื่น และจัดการกับชีวิตของตนได้ดีกว่าเด็กที่พ่อแม่เน้นให้อ่านหนังสือเพื่อทำคะแนนให้ดีอย่างเดียว เพราะการทำงานบ้านสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม รวมทั้งสอนให้เด็กเรียนรู้การบริหารเวลา และแก้ปัญหาด้วย
ไม่ต้องห่วงว่าลูกของคุณจะโวยวายประท้วง เพราะมันมาแน่ แต่เชื่อเถอะว่า เมื่อเวลาผ่านไปเด็กๆ จะรู้สึกดีใจที่มีสกิล การใช้ชีวิตพวกนี้แน่นอน