Skip to content Skip to footer

ร้อยเอ็ด – กาฬสินธุ์

เช็คอินถิ่นอีสานกลาง

หากเอ่ยถึงจังหวัดร้อยเอ็ด หากผู้อ่านไม่ใช่คนอีสานอาจจะ ไม่คุ้นว่ามีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าการไปเยือนเมืองร้อยเอ็ดครั้งแรกในชีวิตของผู้เขียนนั้น ทำให้ผู้เขียนถึงกับร้องว้าว ในใจ และอยากกลับไปบอกคนที่บ้านว่าเมืองนี้มีอะไรมากกว่าที่ เราคิดมากมายจริงๆ

ตามตำนานอุรังคธาตุอันเก่าแก่ว่ากันว่า ร้อยเอ็ด เดิมคือ เมืองสาเกตนคร หรือเมืองร้อยเอ็ดประตู ซึ่งเป็นเมืองที่มีความ เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอดีต ซึ่งวัดสำคัญๆ ในเมืองร้อยเอ็ดนั้น ก็พบหลักฐานของการเป็นพุทธสถานในอดีตมายาวนานกว่า พันปี ทำให้ผู้เขียนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมืองที่ดูมีความเจริญ อย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยคาเฟ่สวยๆ ร้านอาหารดีๆ ถนน หนทางสะดวกสบายขนาดนี้นั้น ดูมีเสน่ห์และมีมนตร์ขลังไป พร้อมๆ กัน

การเดินทางมาร้อยเอ็ดขอบอกเลยว่าแสนจะสะดวก สบาย เพราะเราสามารถบินตรงจากสนามบินดอนเมืองมา ลงสนามบินร้อยเอ็ด ติดต่อบูทเช่ารถขับหรือจ้างรถรับเข้า ตัวเมืองได้เลย จากสนามบินใช้เวลาขับรถเข้าเมืองประมาณ 20 นาทีเท่านั้น

มาทั้งที ก็ขอเริ่มด้วยร้านลับๆ นั่นก็คือร้านกาแฟ 345 Coffee Roasters อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 20 นาที พอก้าวเข้ามาในร้านท่านจะได้พบกับความร่มรื่นจากอุโมงค์ ป่ายูคาลิปตัสที่ละมุนใจมากๆ และร้านนี้บอกเลยว่าสาย specialty coffee และมัทฉะเกรด Ceremonial ไม่ควร พลาด เพราะเจ้าของร้านนั้นเป็นบาริสต้าระดับ Professional แถมยังมี Workshop เรียนรู้การชงกาแฟ และมัทฉะแบบรู้ลึกรู้จริงอีกด้วย ซึ่งถ้ามีโอกาสคิดว่าน่าลอง มากๆ เลยแหละ นอกจากนั้นที่ร้านยังมีขนมสไตล์ญี่ปุ่น แท้ๆ ด้วยนะ นับเป็นร้าน Hidden Gem ของร้อยเอ็ดเลย ก็ว่าได้

ที่ต่อไปที่ทุกคนไม่ควรพลาดคือ “หอโหวด 101” หรือ หอคอยแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของภาคอีสาน ตั้งตระหง่าน กลางเมืองด้วยความสูงกว่า 101 เมตร ณ ริมบึงพลาญชัย ในรูปทรง “โหวด” เครื่องดนตรีประจำจังหวัด ที่มาพร้อม จุดเช็กอินชวนขาสั่นบนชั้น 34 นั่นก็คือสกายวอล์กพื้น กระจก ให้ผู้มาเยือนใจเด็ดเก็บภาพที่ระลึกชมวิวแบบ 360 องศา นอกจากนั้นชั้นบนสุดเราก็จะพบห้องที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัด ในห้องที่สวยราวอยู่บนสรวงสวรรค์ แนะนำให้มาช่วงเย็น ก่อนพระอาทิตย์ตก เพื่อจะได้ทันเห็นท้องฟ้ากำลังลับลากับ วิวถนนหลายสายที่วิ่งเข้าสู่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นภาพที่สวย มากๆ เลย แอบกระซิบว่าในอนาคตจะมีซิปไลน์ให้นักท่อง เที่ยวโหนสลิงจากหอโหวดอีกด้วย

สำหรับใครที่มีเวลาเเล้วอยากไปสักการะพ่อแม่ครูบา – อาจารย์สายวัดป่า เราขอเเนะนำพระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล วัดผาน้ำทิพย์ ที่สร้างโดยหลวงปู่ศรี มหาวีโร ในสายพระ อาจารย์มั่น ภูริทัตโต ตั้งบนเนื้อที่กว่า 101 ไร่ มีความกว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร และสูง 101 เมตร ด้านใน บรรจุอัฐิธาตุของพ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น พร้อมรูป หล่อเหมือนของบูรพาจารย์แดนอีสานกว่า 101 องค์ และ ชั้นบนสุดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอัญเชิญมาจาก ประเทศศรีลังกา

สำหรับใครวางแผนเที่ยวแค่ใกล้ๆ ตัวเมือง ผู้เขียน แนะนำให้ไปเยี่ยมชมและซึมซับพลังธรรมชาติที่วัดป่ากุง ซึ่ง ได้ชื่อว่า “บุโรพุทโธ” เมืองไทย ที่นี่จะสัมผัสถึงความสงบภายในใจ ตั้งแต่ทางเดินเข้าวัดอันร่มรื่น และไปสะดุดกับตัวเจดีย์ที่ชวน ให้ตะลึงในสถาปัตยกรรม ซึ่งหลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านได้ รับแรงบันดาลใจมาจากเจดีย์บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย พุทธสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลกจากองค์กร UNESCO โดยท่านเกิดความประทับ ใจหลังจากการไปนมัสการที่อินโดนีเซียในปี พ.ศ. 2531 จึง มีดำาริกับศิษยานุศิษย์ว่าจะสร้างขึ้นที่เมืองไทย ที่นี่จึงเป็น เจดีย์ที่สร้างด้วยหินทรายธรรมชาติแห่งแรกในประเทศ โดย บริเวณรอบๆ และด้านในเจดีย์เเฝงด้วยข้อคิดมากมาย เเละ มีศิลปะนูนต่ำาสลักบนหินอย่างประณีต แสดงพุทธประวัติ และพระเวสสันดรชาดก รวมถึงชัยมงคลคาถาอีกด้วย ผู้ เขียนขอแนะนำให้มาช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อที่จะได้เดินรอบๆ เจดีย์ ชมภาพจิตรกรรมได้อย่างสบายๆ ไม่ร้อนเกินไปค่ะ

1 Day Trip กาฬสินธุ์

ภาคอีสานยังมีสิ่งน่าค้นหาอีกมาก หากมีวันเหลือ ผู้ เขียนขอแนะนำให้ไปท่องเที่ยวแบบอันซีนที่จังหวัดรอบๆ ที่ ภูกุ้มข้าว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิริน ธร ศูนย์วิจัยไดโนเสาร์แห่งแรกของเมืองไทย และหลุมขุดค้น ดั้งเดิมที่พบโครงกระดูกของไดโนเสาร์กินพืช ภูเวียงโกซอรัส กว่า 7 ตัว โดยพบชิ้นส่วนโครงกระดูกที่เรียงรายต่อกันเกือบ จะสมบูรณ์ทั้งตัวอีกด้วย สำหรับผู้เขียน ไฮไลต์ของที่นี่ คือ โซนหลุมขุดค้น เป็นสถานที่จริงที่พบโครงกระดูก ให้เราได้ เดินชมรอบๆ แบบใกล้ชิด พร้อมประวัติความเป็นมาในการ ค้นพบอย่างอัศจรรย์โดยพระเทพมงคลวชิรมุนี (หลวงปู่หา สุภโร หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์) ผู้เขียนเห็นแล้วก็นึกถึงสุสาน จิ๋นซีฮ่องเต้ ที่เมืองซีอาน ประเทศจีน หากผู้อ่านมีโอกาส มาโซนนี้แล้วลองแวะมาชมบรรยากาศธรรมชาติล้านปีกันดู นะคะ

สุดท้ายก่อนจบทริปกาฬสินธุ์ ผู้เขียนได้มีโอกาสไป กราบพระพุทธไสยาสน์ตะแคงซ้ายสลักบนแผ่นผา อายุ กว่า 2,500 ปี ที่วัดพุทธนิมิต (วัดภูค่าว) ซึ่งได้ขึ้นทะเบียน เป็นปูชนียวัตถุโบราณแห่งแรกในจังหวัดกาฬสินธุ์ ตาม ตำานานเล่าว่า สร้างขึ้นโดยกลุ่มคนที่กำาลังเดินทางไปร่วม การสมโภชองค์พระธาตุพนม ประมาณปี พ.ศ. 8 แต่ ระหว่างทาง เมื่อถึงภูค่าวได้ทราบว่าองค์พระธาตุสร้างเสร็จ ก่อนแล้ว จึงได้ฝังสมบัติที่ตั้งใจนำาไปร่วมสมโภชและแกะ สลักพระพุทธรูปที่ตะแคงหันพระเศียรไปทางทิศของพระ ธาตุพนมขึ้นมาตรงนี้แทน นอกจากนี้ยังมีวิหารสังฆนิมิตที่ พอเดินเข้าไปต้องตะลึงกับโบราณวัตถุและพระสมเด็จที่หา ยากประดิษฐานอยู่เต็มวิหาร และที่วัดนี้ยังมีพระมหาธาตุ เจดีย์ โดยพอเดินเข้าไปภายในจะรู้สึกสงบเย็นมากๆ ตรง กลางจะพบกับมณฑปไม้เนื้อหอมที่ประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุและพระพุทธรูปที่สร้างจากเหล็กไหล บอกเลย วัดนี้ได้รวมสิ่งหายากไว้เยอะจริงๆ

ปิดท้ายจบทริปแบบจุใจจุกายเพราะร้อยเอ็ด มีครบ รสจริงๆ นอกจากเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มี สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาและโบราณสถานสำคัญ หลายแห่งมาก ยังเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยา มีน้ำาตก ถ้ำ (น้ำตกถ้ำาโสดา) หรือจุดชมวิว 360 องศา อย่างผา หำาหด ผาหมอกมิวาย ให้สายเที่ยวธรรมชาติได้ไปเช็กอิน ไม่นับร้านอาหารและคาเฟดีๆ ที่มีไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 53 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่