Skip to content Skip to footer

อีกทางเลือกเพื่อโลกสีเขียว

ต่อเนื่องมาจากเล่มที่แล้ว​ ที่เราคุยกันเรื่องยักษ์ใหญ่ยานยนต์โลกจากแดนอาทิตย์อุทัยว่า​อยู่ตรงไหน แล้วในศึกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเดิมพันเป็นนโยบายสายด่วน ​Carbon ​Neutrality ​ภายในปี​ 2030 ​ที่ดูเหมือนว่า​ยักษ์ใหญ่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์สันดาปไปเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน​ (EV) ​อย่างไม่รีบร้อนมากนัก ​เพราะมีพระเอกลับจ่อออกโรงอยู่​ด้วยความเชื่อที่ว่า​รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน​หรือ​ EV ​อาจไม่ใช่ถนนสายเดียวที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมในที่สุด

ฉบับนี้​ จะขอแนะนำให้รู้จักกับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ที่คอนเซปต์ดูจะตอบโจทย์มากๆ ทั้งด้านเทคโนโลยี​สิ่งแวดล้อม​และด้านความเบาสบายกระเป๋าผู้ขับกันค่ะ​ ส่วนความเป็นไปได้ว่าจะได้ขับกันเมื่อไหร่ ​อันนี้ก็ค่อยมาว่ากันในอนาคตอันใกล้

พี่ใหญ่อย่างโตโยต้าเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ด้วยความเชื่อที่ว่า​เป็นอนาคตทางพลังงานที่ดีกว่า​ด้วยรุ่น ​Mirai​ (แปลว่า​“อนาคต”​ในภาษาญี่ปุ่น) ​Mirai​ (รถยนต์ประเภท​ fuel cell​ vehicle​ หรือ ​FCV) เปิดตัวครั้งแรกในฐานะรถยนต์ต้นแบบในปี ​2011​ ก่อนจะวางขายจริงในปี ​2015 ​โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง ​500 ​กิโลเมตร ต่อการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้ง ​ซึ่งถือว่า​วิ่งได้เยอะมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกมาในช่วงเวลานั้น ​และต่อยอดมาถึง​ Mirai ​Gen ​2​ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี ​2022​ ที่มีพละกำลังเพิ่มขึ้น​ 12% ​และวิ่งได้ไกลเกือบ​ 800 ​กิโลเมตร!

หลักการทำงานของรถยนต์ไฮโดรเจนเหมือนจะซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้เข้าใจยาก ​พลังงานนั้นเกิดจากการใช้ไฮโดรเจนเหลวผสมกับออกซิเจนในอากาศ​ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ ​ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนก็จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่มาจากแบตเตอรี่นั่นเอง ​ส่วนของเสียที่รถยนต์จะปล่อยออกมาก็จะมีเพียงแค่​“น้ำ”​ที่มาจากการผสมกันของไฮโดรเจนกับออกซิเจน​ หรือ ​H2O ​เท่านั้น​ ซึ่งไม่ก่อมลพิษ​ต่างจากรถยนต์สันดาปที่จะปล่อย ​CO2​ ออกมา

นอกจากนี้​โตโยต้ายังเผยโฉม​ Toyota ​Corolla ​Cross​ Hydrogen ​Concept ​(รถยนต์ประเภท ​HICEV​-Hydrogen​Internal ​Combustion ​Engine​ Vehicle)​ รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฮโดรเจนในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลมอเตอร์โชว์ ​2023​ ที่ผ่านมา​ที่ใช้หัวฉีดไฮโดรเจนแรงดันสูงแทนการใช้น้ำมันแบบเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป ​จุดเด่นที่น่าจับตาก็คือ​ ระยะเวลาในการเติมก๊าซไฮโดรเจนใกล้เคียงกับรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบไม่เกิน ​5​ นาที ​จุดนี้อาจเป็นจุดวินเลยก็ว่าได้ หากเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ยังใช้ระยะเวลานานอยู่ในการชาร์จไฟ

คอนเซปต์ดีขนาดนี้ สมรรถนะล่ะ?

เพื่อเป็นการยืนยันว่า​รถยนต์ไฮโดรเจนวิ่งได้ไม่แพ้รถยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้า ​โตโยต้าจึงนำเทคโนโลยีสันดาปไฮโดรเจนไปใช้กับ รถแข่งในรายการ ​Super​ Taikyu​ ที่ประเทศญี่ปุ่น และในอีกหลายสนาม ​รวมทั้งนำมาวิ่งบนถนนจริงในประเทศเบลเยียม​ โตโยต้ายังระบุว่า​การนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาทดสอบจริงนั้น ​ช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีพละกำาลังเพิ่มขึ้น​ 24% ​แรงบิดเพิ่มขึ้น ​33% ​เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ที่ใช้สันดาปน้ำมันปกติ​ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ไกลขึ้นราว ​30% ​และลดระยะเวลาเติมเชื้อเพลิงจากประมาณ​ 5​ นาที ​เหลือเพียง ​1 ​นาทีครึ่งเท่านั้น!​ และในสนามล่าสุด​ คือ​การแข่งขันรายการ ​Super​ Endurance ​ที่สนามช้าง​อินเตอร์เนชันแนล​เซอร์กิต​บุรีรัมย์​ประเทศไทย!

แม้รถยนต์ต้นแบบอย่าง​ Toyota ​Corolla ​Cross​ Hydrogen ​Concept ​(HICEV)​​ แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากการใช้รถยนต์สันดาปน้ำมันเบนซิน​ที่เครื่องยนต์ทำงานได้ปกติ​ลื่นไหล​ไม่มีสะดุด​ เสียงในเวลาขับขี่ก็คำรามได้เร้าใจเหมือนรถยนต์สันดาปน้ำมัน​ ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้​ ในส่วนของอัตราเร่งก็ทำได้ดีที่​ 0​–​100​ กม./ชม.​ ภายใน ​9​ วินาที​ จังหวะการเปลี่ยนความเร็ว​ก็ยังตอบสนองได้ดีเช่นกัน​ไม่ต่างจากรถยนต์สันดาปน้ำมันเบนซินเลย

อ่านมาถึงตรงนี้ ​คุณผู้อ่านก็อาจสนใจที่จะทดลองขับขี่เหมือนกับผู้เขียนแล้วใช่ไหมคะ ​แต่อะไรทำให้​ Mirai ​ที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี ​2015 ​กลับดูเงียบจนมาถึงวันนี้ ?​ แล้วเราจะได้ลองกันไหม ?​ มาคุยกันต่อเล่มหน้าค่ะ