
เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ประชากรโลก“ควรจะ”มีความสุขกันมากกว่านี้ เพราะเป็นปีแรกที่ผ่านพ้นภาวะโรคระบาดใหญ่แบบเต็มปีมาได้แต่กลับถูกเมฆหมอกของความกังวลด้านสงครามใหญ่มาปกคลุมอีกครั้ง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรอบสงความรัสเซีย-ยูเครนแล้วสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาส ค่อนข้างน่ากังวลกว่าในเชิงผลกระทบทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ส่วนในประเทศไทยเองนั้นการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าในปีนี้ ทำให้การตั้งงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบการใช้จ่าย ต่างๆ นั้นทำไม่ทัน ทำได้แค่การออกมาตรการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ เช่น ลดค่าน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟไปก่อน อีกทั้งนโยบาย แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทเอง ก็มีแนวโน้มที่จะถูกพับแผนไป เนื่องจากหลายๆ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย ส่วนนโยบายที่น่าสนใจจริงๆ ที่รัฐบาลใหม่ได้นำเสนอ คือ โครงการ Landbridge ซึ่งเป็นนโยบายระยะยาวที่ช่วยส่งเสริมขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศได้
ย้อนกลับมาที่การเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบจากสงครามในระยะกลางๆ 3-6 เดือนข้างหน้า ในด้านการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบปรกตินั้นสิ่งที่ต้องรักษา “อันดับแรก” คือ รักษาใจ เนื่องจากสารพัดข่าวสงครามโดยส่วนใหญ่นั้นไม่มีเรื่องดี และถ้าเราไม่เลือกข่าวที่จะเสพ สิ่งที่จะพังก่อนทุกอย่าง คือ ใจการลด ละ และเลือกการเสพข่าวสารนั้นเป็นกลยุทธ์แรกในการเตรียมตัวเตรียมใจของตัวเองและคนในครอบครัว อีกทั้งหาก มีครอบครัวหรือคนรักที่อยู่ต่างประเทศ หรือในพื้นที่เสี่ยงภัยก็ควรเร่งวางแผนชีวิตให้ไม่ประมาท
ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่าที่ประเมินได้ในขณะนี้ อย่างง่าย คือ อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกรวมถึงไทยจะสูงคงที่ หรือสูงกว่านี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง (ประมาณ 12 เดือนข้างหน้า) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังไม่มีสัญญาณที่จะลดลง อีกทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันและสินค้าจำเป็นอื่นๆ บางชนิดยังเป็น ขาขึ้น และหากเราย้อนไปดูระดับน้ำมันในคลังยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาเองก็ลงมาต่ำพอสมควร (ข้อมูลเดือนตุลาคม 2566) ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะต้องมีการซื้อน้ำมันดิบเข้าคลัง ในขณะที่อุปทานตึงตัวจากสงคราม ดังนั้นผู้ประกอบการหรือลูกหนี้ ที่มีภาระหนี้สินเป็นดอกเบี้ยลอยตัวก็จะมีภาระรายจ่ายที่มากขึ้น ด้วย ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่ต้องวางแผนลดภาระให้ดี
หากเราใส่หมวกของผู้สังเกตการณ์ทางเศรษฐกิจและหมวกของนักลงทุน ช่วงจังหวะนี้ คือ จังหวะของการจับตาดูและเฝ้ารอการไหลของเงิน เพราะเงินนั้นไม่เคยหลับ (Money never sleep) ว่าจะย้ายจากสินทรัพย์ไหนไปที่ไหนบ้าง หรือสินทรัพย์ไหนราคาลงมาลึกกว่ามูลค่าพื้นฐานเยอะๆ ที่เห็นได้ชัดในช่วง เริ่มสงครามรอบใหม่ คือ ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นโดยที่เราอาจจะหวังได้ถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ และการเทขายพันธบัตรลงมาลึกๆ อาจเป็นโอกาสให้ซื้อกลับเมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนเป็นดอกเบี้ยขาลงได้เช่นกัน
ไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม กับตัวเองหรือครอบครัว แต่ ถ้าไม่มีการล่มสลายก็ไม่มีการฟื้นฟูหรือเติบโต สงครามเป็นเหตุการณ์หนึ่งในหลายเหตุการณ์ของชีวิตที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า สงครามค่าเงิน หรือสงครามธุรกิจ ดังนั้นควรมองให้เป็นกลางในมุมนี้ พยายามรักษากำลังใจ ให้แข็งแรงทุกเมื่อกันดีกว่าครับ
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 54 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่