Skip to content Skip to footer

บาเลนเซีย – เมืองแห่งการออกแบบระดับโลก 2022

เป็นเวลาเนิ่นนานหลายปีที่เมืองบาเลนเซียแอบอยู่หลังร่มเงาของเมืองใหญ่ อย่างมาดริดและบาร์เซโลนา มาปีนี้บาเลนเซียเจิดจรัส โดดเด่นออกมาใน แผนที่ท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงในประเทศสเปนเท่านั้น แต่เป็นจุดหมายปลายทาง ท่องเที่ยวที่ใครๆ ต่างถวิลหา ด้วยได้รับรางวัลเมืองหลวงแห่งการออกแบบ ของโลกประจำาปี ค.ศ. 2022 (The World Design Capital 2022) นั่นเป็นสิ่ง ที่ช่วยการันตีว่า บาเลนเซียคือสุดยอดเมืองน่าเที่ยวที่โดดเด่นด้านศิลปะและการ ออกแบบทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหน ตั้งแต่แก้วกาแฟ แสนเก๋บนโต๊ะ อาคารดีไซน์ตามหัวมุมถนน หรือไลฟ์สไตล์สุดจัดจ้าน ตามแบบฉบับชาวสเปน ก็จะพบมุมมองที่น่าค้นหา ช่วยสร้างประสบการณ์ เติมเต็มทุกหัวใจของนักเดินทางเมื่อยามมาเยือนบาเลนเซีย

เมืองศิลปะสุดคลาสสิก

แค่นั่งรถไฟหนึ่งชั่วโมงจากมาดริด หรือสามชั่วโมงจาก บาร์เซโลนา ก็เดินทางมาถึงบาเลนเซีย เมืองศิลปะสุดคลาสสิก และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป มีอายุกว่าสองพันปี ตั้งอยู่ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน บนชายฝั่งแม่น้ำตูเรีย แถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังสิ้นฤดูหนาวราวกลางเดือนมีนาคม สภาพอากาศสบายๆ มีลมทะเลพัดเย็นๆ แบบเมืองตากอากาศ ในยุโรป ทำาให้การสำรวจบาเลนเซียมีชีวิตชีวามาก โดยเริ่มต้น ที่ย่านเมืองเก่าอันมั่งคั่งด้วยสถาปัตยกรรมจากอดีตกาล เรื่อยไป จนถึงความทันสมัยของกลุ่มอาคารฟิวเจอริสติกที่ล้ำสุดขั้ว

สำหรับสถานที่แรกในย่านเมืองเก่าที่อยากแนะนำาคือ Plaza de la Virgen เป็นจัตุรัสใจกลางเมือง คึกคักด้วย ชาวบาเลนเซียนิยมมาพักผ่อนพบปะกัน ตรงกลางจัตุรัสมีลาน น้ำาพุรูปปั้นชายหนุ่มตั้งอยู่ มองไปแวบแรกให้ฟีลเหมือนน้ำาพุ เทรวีแห่งกรุงโรมที่มากมายไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยวที่มาถึงส่วน มากจะลั่นชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้งมือ เพราะไม่ว่าจะยืนหรือนั่งใน พิกัดไหนบริเวณจัตุรัสนี้ จะรู้สึกราวกับถูกหมู่อาคารในยุคเก่าที่ งดงามห้อมล้อมไว้ ใครไม่รีบร้อนเดินทาง บริเวณจัตุรัสมีเก้าอี้นั่ง แนะนำาให้สั่งกาแฟมานั่งดื่มให้เย็นใจ (หาซื้อได้จากคาเฟ่แถวนั้น) ชมบรรยากาศชีวิตผู้คนและอาคารบ้านเรือนที่ให้ความเก่าแต่เก๋อยู่ ไม่น้อย

เมื่อเดินไปรอบๆ จัตุรัส จะพบอาคารเก่าแก่หลายแห่งยัง น่าหลงใหลไม่เปลี่ยนแปลง อย่าพลาดไปชมมหาวิหารบาเลนเซีย มรดกของแผ่นดินที่ตกทอดมานานกว่า 500 ปี ถูกออกแบบและ แต่งแต้มอย่างสวยงาม ผสมผสานทั้งศิลปะแบบกอทิก นีโอ คลาสสิก บาโรก ความน่าสนใจของมหาวิหารบาเลนเซียอยู่ที่ การเป็นสถานที่เก็บรักษาจอกศักดิ์สิทธิ์ (Holy Grail) ที่พระเยซู ทรงดื่มเป็นครั้งสุดท้ายใน The Last Supper สามารถมองเห็นได้ จากตู้กระจก และเป็นที่เก็บภาพเขียนเฟรสโกในยุคเรอเนสซองส์ ภายใต้ชื่อ Angels playing m usic ฝีมือจิตรกรชาวอิตาเลียน Francisco Pagano และ Pablo de San Leocadio วาดไว้ ตั้งแต่ปีค.ศ. 1481 ภาพเพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 2004 ระหว่างที่ ช่างกำลังบูรณะมหาวิหารอยู่ นับเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบและ ทรงคุณค่ามาก

อีกมุมหนึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงของมหาวิหารที่หอระฆัง Ell Tower Micalet ซึ่งควรค่าแก่การขึ้นไปชมอย่างยิ่งแต่ต้อง แลกกับเดินขึ้นบันไดวน 207 ขั้น ซึ่งถือว่าคุ้มมากที่จะได้ชมวิว เมือง 360 องศา จุดชมวิวสุดยอดนี้มองเห็นเมืองบาเลนเซียได้ ทั่วทุกมุม ตั้งแต่เขตเมืองเก่าจากศตวรรษที่ 13-15 ไกลออกไป ถึงวิวอาคารทันสมัยริมชายหาด โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์สาด ส่องเมืองเบื้องล่าง สวยจนตะลึงพรึงเพริด และได้ภาพประทับใจ กลับไปแน่นอน

เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์

เอมอิ่มจากย่านเมืองเก่าแล้วก็ได้เวลาขยับตัวมุ่งหน้าไปเมือง แห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ (City of Arts and Sciences) ที่นี่เป็นเหมือนเมืองในอนาคตที่แยกออกมาเลยละ ภาพแรกที่เห็นมันดูยิ่งใหญ่สุดอลังการเหนือจินตนาการเลยจริงๆ หลายคน อาจเคยผ่านตาจากภาพยนตร์ของค่ายดิสนีย์เรื่อง Tomorrowland เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นจริงในยุคนี้ แต่ไปปรากฏในหนังไซไฟแห่งโลกอนาคต เพราะความ โดดเด่นและล้ำยุคของสถาปัตยกรรมอัลตราโมเดิร์นที่สร้างขึ้นบน เส้นทางสายเก่าของแม่น้ำตูเรีย มีพื้นที่กว่า 350,000 ตารางเมตรทำาให้เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์กลายเป็นศูนย์สันทนาการ ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ภายใต้อาคารคอมเพล็กซ์ทรงอวกาศนี้เป็น ที่ตั้งของ Interactive Museum มีทั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ที่ให้ความรู้ตั้งแต่ไข่ไก่ฟักออกมาเป็นตัว ไปจนถึงเรื่องอวกาศ มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Oceanographic Park ที่จำลองโลกใต้ ท้องทะเลจากทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน สิ่งที่น่าทึ่งคืออุโมงค์กระจก ลอดใต้น้ำายาวกว่า 70 เมตร มองเห็นทั้งปลาวาฬ ปลาโลมา สิงโตทะเล แมวน้ำ และสัตว์ทะเลอื่นๆ ที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ยังมีเมกะความบันเทิง โรงภาพยนตร์ IMAX ในอาคาร Hemisferic รูปทรงเหมือนดวงตา เวลาเดินเหมือนหลุดไปใน โลกอนาคต มีโรงละครโอเปรา และสถานที่จัดงานอลังการ ระดับโลก

สิ่งเหล่านี้ช่วยเติมเสน่ห์และความทันสมัยให้บาเลนเซียจน โด่งดัง ต้องขอปรบมือและให้เครดิตแก่สถาปนิกชาวบาเลนเซีย โดยกำาเนิด Santiago Calatrava ที่ทำางานร่วมกับ Felix Candela ผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ร่วมสร้างสรรค์ สิ่งพิเศษให้แก่ชาวบาเลนเซียและนักท่องเที่ยว ขอแนะนำาว่า ให้เผื่อเวลาที่เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์สักหนึ่งวันเต็มๆ หรืออย่างน้อยสามชั่วโมง คุณจะเอ็นจอยกับกิจกรรมด้านใน ไม่มีเบื่อ แค่เดินเล่นสแนปภาพอาคารล้ำายุคจากอาคารโน้น ไปอาคารนี้ก็เพลินทั้งวัน บอกเลยว่าสนุกคุ้มแบบไม่เสียดาย สักยูโรเดียว

เมืองต้นตำรับข้าวผัดสเปนหรือปาเอยา

หลังดื่มด่ำากับวัฒนธรรมและความทันสมัยทั้งหลาย จนเพียงพอแล้ว ก็ได้เวลาออกไปสนุกกับวิถีการกินอยู่แบบ ชาวท้องถิ่นด้วยการลิ้มลองปาเอยาหรือข้าวผัดสเปน อาหาร ขึ้นชื่อที่สุดในบาเลนเซีย ซึ่งมีต้นกำาเนิดจากที่นี่เอง ตามประวัติ กล่าวกันว่า ในศตวรรษที่ 8 ชนชาติอาหรับนำาการปลูกข้าวมาสู่ ดินแดนแถบนี้ ก่อนที่ชาวบาเลนเซียจะค่อยๆ สร้างสรรค์เมนูนี้ ขึ้นมา โดยนำาข้าวมาปรุงผสมกับวัตถุดิบท้องถิ่น ปาเอยา ต้นตำารับจะปรุงด้วยเนื้อไก่หรือเนื้อกระต่าย ส่วนเวอร์ชันซีฟู้ดเพิ่งมามีเอาตอนหลังจนกลายเป็นที่นิยมไปด้วย สำาหรับคนไทย ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตกหลุมรักเมนูรสชาติเข้มข้นจัดจ้านที่มีข้าว เป็นส่วนผสม พนักงานประจำาร้านแห่งหนึ่งบอกเราว่า รสชาติ ปาเอยาแบบดั้งเดิม ข้าวจะต้องไหม้กระทะหน่อยๆ ด้วย คำาว่า ปาเอยา ในภาษาสเปนแปลว่า กระทะ ฉะนั้นจะกินให้ออก รสชาติแบบบาเลนเซีย ต้องสั่งมาเป็นกระทะร้อนๆ แล้วตักแบ่ง กันกินหลายๆ คนสนุกดี คนบาเลนเซียนิยมกินปาเอยากันเป็น ครอบครัวและหมู่คณะ ทุกๆ สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นในโรงแรม ตลาด ร้านอาหารเล็กๆ ข้างทาง ก็สามารถหาปาเอยามา รับประทานได้ง่าย แนะนำาร้านเก่าแก่ในเมืองอย่าง Palace Fesol เปิดในปี ค.ศ. 1941 ขายมาถึงสี่รุ่น มีดาราดังและเซเลบ มากมายมักแวะมาที่นี่ (คนละแวกนั้นรู้จักร้านนี้แทบทุกคน) แต่หากอยากนั่งบรรยากาศสบายๆ รับลมทะเล สังสรรค์กับ เพื่อนๆ ยามค่ำาคืน ก็ขอแนะนำาร้านแถบท่าเรือในย่าน El Cabanyal มีร้านปาเอยาและอาหารพื้นเมืองราคาสมเหตุสมผล ให้เลือกลิ้มลองอยู่หลายร้าน เช่น La Paz La Marcelina อย่าลืมสั่งน้ำาส้มบาเลนเซียหอมหวานมาดื่มเคล้าบรรยากาศ ให้สมกับที่เดินทางมาถึงถิ่นแห่งราชาส้ม พร้อมปล่อยใจ ให้เพลินกับจังหวะดนตรีที่ขับกล่อมในร้าน จะช่วยให้ราตรี ที่บาเลนเซียของคุณสนุกและมีรสชาติมากขึ้น

ห้ามพลาด

สำาหรับผู้มาเยือน คงไม่มีช่วงเวลาใดคุ้มค่าในการมา เที่ยวบาเลนเซียมากไปกว่าช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลลัสฟายัส (Las Fallas) หนึ่งในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของโลก จัดช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อฉลองวันนักบุญประจำา เมืองเซนต์โย นักท่องเที่ยวจะสนุกสนานไปกับชาวบาเลน- เซียที่แต่งกายชุดพื้นเมืองเดินพาเหรดไปตามถนน ประโคม ด้วยเสียงดนตรีและดอกไม้ไฟ ยามค่ำาคืนประดับประดา ด้วยแสงไฟสวยงาม ความสำาคัญของเทศกาลอยู่ที่หุ่น ประติมากรรมฟายัสซึ่งถูกประดับไว้ตามจัตุรัสทั่วเมือง โดยหุ่นถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม มีการจัดประกวดชิงเงิน รางวัล แม้ชาวบาเลนเซียจะรู้สึกเสียดายที่หุ่นทุกตัวจะถูกเผา ลงต่อหน้า แต่พวกเขามีความเชื่อว่าเป็นการเผาทุกอย่างที่ เป็นด้านลบ และพร้อมสร้างหุ่นตัวใหม่ขึ้นทันทีสำาหรับงาน เทศกาลลัสฟายัสปีถัดไป (www.fallasfromvalencia.com)