Skip to content Skip to footer

เจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร

ย่านเก่า เล่าใหม่

เจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร

ทริปปุบปับฉบับคนมีเวลาน้อย เราแพลนเดินเที่ยวอัปเดต ย่านพระนครแบบเต็มอิ่ม ปักหมุดไปตามถนน 3 สายสำคัญของกรุงเทพฯ เจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร ที่รวมเอาความคลาสสิก ความฮิป ความอาร์ต วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ถึงจะมีดีกรีเป็นถนนแบบตะวันตกสายแรกๆ ของประเทศที่สร้างขึ้นไล่เลี่ยกันเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แต่ทั้ง 3 ย่านนี้ก็มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่แตกต่าง รอให้เราเข้าไปทำความรู้จัก

เจริญกรุง : คอมมิวนิตีใหม่ใจกลางกรุงเก่า

นัดกันช่วงสายๆ เราเริ่มทริปกันที่ เจริญกรุง ถนนสายแรกของประเทศที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจและการคมนาคมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมความทันสมัยและสิ่งแปลกใหม่ของพระนครในเวลานั้น ตึกเก่าย่านนี้ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมโคโลเนียล หรือ ชิโน-โปรตุกีส ที่มีต้นแบบมาจากปีนังและสิงคโปร์ ซึ่งนิยมสร้างเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์ เป็นจุดเริ่มต้นของย่านการค้า โดยเฉพาะร้านค้าของชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในเมืองไทย ปัจจุบันเจริญกรุง ยังเป็น creative district ถนนสายอาร์ต แหล่งรวมแกลเลอรี และพื้นที่สร้างสรรค์ฮิปๆ ตามตรอกซอกซอยที่แทรกตัวอย่าง กลมกลืนไปกับร้านรวงเก่าแก่ที่สืบทอดกิจการมาถึงทุกวันนี้

ระหว่างทางไปจุดหมายแรก เราเดินผ่านร้านเอี๊ยะแซ ร้านขายยาเก่าแก่กว่า 100 ปีที่มีตู้ยาจีนบ่งบอกอายุของร้าน แวะชิมเก็กฮวยเย็นๆ จากตู้แช่ ก่อนจะซื้อยาดมสมุนไพรสูตรเก่าแก่ (ที่ลองใช้แล้วดีมากกก) ถัดมาอีกบล็อกเป็นคาเฟ่เท่ๆ เปิดใหม่เรียงราย สลับกับห้างร้านและตึกแถวที่อยู่อาศัย มีเอกลักษณ์อยู่ที่ประตูไม้บานเฟี้ยมสีสวยที่ต้องหยุดถ่ายรูปกันไปหลายช็อต ก่อนจะถึง The Corner House อาคารสีส้มหัวมุมซอยเจริญกรุง 35 ที่มีกลิ่นอายความวินเทจชัดเจน ดีไซน์สวยแบบทำถึงทุกมุม ด้วยตัวอาคารเดิมซึ่งเป็นโรงงานรองเท้าถูกรีโนเวทเป็นครีเอทีฟสเปซของคนรุ่นใหม่สำหรับทำกิจกรรมหลากหลาย ทั้งฉายหนัง ฟังแผ่นเสียง นิทรรศการหมุนเวียน คาเฟ่ เวิร์กช็อป และงานคราฟต์ เป็นความตั้งใจของทายาทที่จะเก็บรักษาและต่อยอดตึก เก่าของบรรพบุรุษที่รวมไว้ทั้งคุณค่าทางจิตใจ ประวัติศาสตร์ และความทรงจำของคนรุ่นก่อนในแบบเข้ายุคเข้าสมัยจริงๆ

บำรุงเมือง : ซึมซับวัฒนธรรม กินลมชมสะพานย่านของอร่อย

หากพูดถึง บำรุงเมือง คงต้องนึกถึงย่านเสาชิงช้าที่นอกจากจะเป็นตลาดสังฆภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ยังมีตึกรามบ้านช่อง วัด อาคาร และสถานที่รอบๆ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เริ่มจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง ชั้นเอก 1 ใน 6 วัดของไทย ภายในวิหารหลวงเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย และพระสุนทรีวาณี เทพธิดาตามคติในพระพุทธศาสนา มีหน้าที่คุ้มครองดูแลรักษาพระธรรมและพระไตรปิฎก ด้วยอาณาเขตที่กว้างจรดถนน เพียงก้าวเข้ามาในวัดก็รู้สึกถึงความสงบร่มรื่น

ไม่ไกลจากวัดสุทัศน์ เป็นย่านวังเก่าที่เรียกกันว่า แพร่งนราและแพร่งภูธร แหล่งรวมร้านอร่อยอย่างร้านลูกชิ้นหมูแพร่งนรา รวมไปถึงร้านไอศกรีมเก่าแก่ที่เปิดมากว่า 80 ปี นัฐพรไอศกรีมรสไทย ที่มีทั้งรสซิกเนเจอร์อย่างกะทิสด มะพร้าวอ่อน รวมไปถึง ช็อกโกแลต กาแฟ ชาเขียว สามารถเลือกท็อปปิงได้จุใจ ก่อนจะเดินข้ามสะพานช้างโรงสี ไปยังมุมยอดฮิตข้างตึกเหลืองสไตล์นีโอ คลาสสิกของกระทรวงกลาโหม ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกสีส้มอิฐในเขต พระราชวังสราญรมย์ แนะนำให้มาช่วงเย็นแดดร่มลมตก ยืนดูแสงพระอาทิตย์ตกกระทบกับตัวตึกทรงยุโรป มองไปด้านหน้าเป็นแนวกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นความลงตัวที่ยิ่งใหญ่และงดงาม ต่างจากการขับรถผ่านจริงๆ

เฟื่องนคร : ถนนสายชิล สงบ คลาสสิก

เฟื่องนครเป็นถนนสายที่สั้นที่สุดใน 3 สาย เชื่อมระหว่างเจริญกรุงและบำรุงเมือง ในยุคที่สื่อสิ่งพิมพ์ยังคงรุ่งเรือง ย่านนี้เป็นที่พบปะของนักคิดนักเขียนชั้นครูมากมาย โดยในอดีตสองฟากฝั่งถนนนั้นเต็มไปด้วยโรงพิมพ์และสำนักพิมพ์ เช่นเดียวกับ โรงพิมพ์ลมูลจิตต์ ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นร้าน IM En Ville หรือ อิ่มในเมือง ที่ยังคงรักษาโครงสร้างเดิม ความเป็นโรงพิมพ์ และ ความคลาสสิกของตึกเก่าอายุกว่า 150 ปีไว้ในทุกดีเทล ด้าน ล่างเปิดเป็นคาเฟ่ที่มีเบเกอรีอบสดใหม่ ส่วนชั้นสองเป็นร้าน อาหารตะวันตกสไตล์ฟิวชันที่สามารถชมความสวยงามของวัด ราชบพิธฯ ในมุมที่ไม่เหมือนใคร

แต่หากอยากชมความงามวิจิตรอย่างใกล้ชิด ข้ามฝั่งไปก็เดินเข้าสู่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 5 เป็นวัดที่นำเอาสถาปัตยกรรมโลกตะวันตกเข้ามาผสมผสานกับตะวันออกได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยการจัดวางแผนผังและประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจง เห็นได้จากกระเบื้อง เคลือบลายเบญจรงค์หลากสีสันตามจุดต่างๆ มุมที่งดงามที่สุด สำหรับเราคือแนวระเบียงทางเดินที่เชื่อมพระอุโบสถกับพระวิหารมุขและพระวิหารล้อมองค์พระเจดีย์ใหญ่ ไม่แปลกใจเลยที่ชาวต่างชาติยังแวะเวียนมาชมอย่างไม่ขาดสาย เพราะขนาดเราคนไทยเมืองกรุงแท้ๆ ยังตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่มาเยือน

ตกเย็นก่อนจะร่ำลาถนนเฟื่องนคร เราบังเอิญเดินเจอ Cha Bo Phit คาเฟ่ชาเล็กๆ เปิดใหม่ที่ใครเป็นสายชาต้องเลิฟ เพราะมีชาจีนสารพัดชนิดให้เลือกชิม ด้วยความที่ร้านอยู่ในตึกเก่าย่านที่อยู่อาศัย บนชั้นสองจึงเหมือนเป็นมุมลับๆ ในบ้านริมคลอง เราแวะจิบชาหอมๆ กินกับขนมร้อนๆ ถ่ายรูปกันจนแสงหมด แถมได้ความรู้เรื่องชาและการชงชาจากน้องเจ้าของร้านกลับมาด้วย เป็นการปิดทริป 3 ถนนสายสำคัญที่ได้เห็นความเจริญที่ไม่ทิ้งรากเหง้าของเมืองเก่าในย่านใหม่ กลายเป็นเสน่ห์ที่ยากจะหาได้จากที่อื่น

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 60 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่

สำหรับลูกค้าในประเทศ

สั่งซื้อนิตยสารได้ที่นี่