Skip to content Skip to footer

เปิดประสบการณ์ใหม่ ในโดฮา

อารยธรรมร่วมสมัย แห่งอ่าวเปอร์เซีย

สวัสดีทุกท่านจากกรุงโดฮา เมืองหลวงของประเทศกาตาร์ บริเวณชายหาดริมฝั่งทางตะวันออกของอ่าวเปอร์เซีย ถึงแม้ว่าประเทศนี้จะไม่ใช่ Destination ที่แท้จริง ของนักเดินทาง แต่หากมีเวลาได้มาต่อเครื่องที่นี่แล้ว ก็ อยากเชื้อเชิญออกมาสำ รวจเมือง เปิดประสบการณ์ใหม่ใน ประเทศที่ได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งอ่าวเปอร์เซีย”

ก่อนจะเริ่มเดินทางท่องเที่ยว ขอแนะนำ เบื้องต้นฉบับ โดฮา 101 สั้นๆ ว่า ประเทศกาตาร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใน ภูมิภาคตะวันออกกลาง บนคาบสมุทรขนาดเล็กที่ยื่นออกไปจาก ชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอาระเบียเข้าไปในอ่าวเปอร์เซีย หรืออ่าวอาหรับที่รายล้อมไปด้วยทะเลทราย นอกจากจะรู้จัก ในชื่อของสายการบินที่ได้รับการจัดอันดับว่าดีที่สุดในโลกหลาย ปีต่อกัน และเป็นประเทศที่ร่ำ รวยอันดับต้นๆ ของโลกจากการ ส่งออกขุมทรัพย์ใต้ดินอย่างน้ำ มันแล้ว กาตาร์ยังเคยเป็นเจ้า ภาพจัดฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 2022 และมีความโดดเด่นด้วย สถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ผสมผสานกันระหว่างอารยธรรมโบราณ ร่วมกับความเจริญในทุกรูปแบบ ทั้งพิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้งที่ ขึ้นชื่อ โรงแรม ร้านอาหารสุดหรู และสนามบินที่ดีที่สุดในโลก อย่าง Hamad International Airport

งดงามและล้ำค่าใน Museum of Islamic Art 

หลังจากเสร็จสรรพในเรื่องของเอกสารแล้ว การเดินทาง ครั้งนี้ก็กำ ลังจะเริ่มต้นขึ้น… หากมีผู้ร่วมทริปหลายคนและมี สัมภาระติดตัวมาด้วย ขอแนะนำ เป็นการเรียกอูเบอร์ เพื่อความ สะดวกรวดเร็วและราคาไม่แรงมาก สถานที่แรกอยู่ห่างจาก สนามบินราว 10 นาที เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่อยากแนะนำ ให้ ไป นั่นคือ ‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม’ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์อิสลามที่ ใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังอย่าง ไอ เอ็ม เพย (I.M. Pei ) ผู้ที่ออกแบบพีระมิดของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) ในปารีส เคยมีคนท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่า อาคารที่เห็น เป็นรูปทรงเรขาคณิต หากลองมองในระยะไกลจะดูคล้ายใบหน้า หญิงมุสลิมคลุมฮิญาบอยู่ ถือเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจทีเดียว

เมื่อรถมาจอดส่งถึงด้านหน้าทางเข้า เราจะต้องเดินต่อ เข้าไปอีกเล็กน้อย โชคดีที่มีร่มเงาของต้นปาล์มที่ปลูกทอดตลอดทางไปถึงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ช่วยให้ร่มรื่นอยู่ไม่น้อย เพียงไม่ กี่อึดใจก็ได้มาถึงตัวอาคารขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหินปูนทั้งหลัง บรรยากาศด้านในมีความโปร่งโล่ง เมื่อมองออกไปจะสามารถ เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเส้นขอบฟ้าบริเวณริมชายฝั่งโดฮาได้ เลย และใครที่ชอบถ่ายรูป รับรองเต็มอิ่มแน่นอน เกือบทุกมุม สามารถบันทึกภาพได้อย่างจุใจ ก่อนที่จะเข้าไปชมด้านใน ก็ขอ พักจิบชากาแฟสักครู่ ความอร่อยและเข้มข้นช่วยปลุกจากความ เมื่อยล้าขึ้นมาได้ แถมที่นี่ฟรีค่าเข้า และฟรี Wifi ด้วย

หลังจากนั้นเราก็เข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ด้านในส่วนจัดแสดง ตอนแรกต้องยอมรับเลยว่าจะดูคร่าวๆ แล้วก็จะไปยังที่ต่อไป แต่ เมื่อได้เห็นของจริงแล้ว ทุกชิ้นน่าสนใจ มีเรื่องเล่าและความวิจิตร ล้ำ ค่า ไฮไลต์อยู่ที่ศิลปะที่นำ มาจัดแสดงเป็นของอิสลามจาก 3 ทวีป อายุรวมกว่า 1,500 ปี มีทั้งสิ่งทอ เครื่องเซรามิก เป็น หนึ่งในคอลเลกชันที่สมบูรณ์ที่สุดจากหลากหลายต้นกำ เนิด เช่น อียิปต์ ตุรกี อินเดีย เอเชียกลาง เป็นต้น สุดท้ายเราก็อยู่ที่นี่กัน พักใหญ่เลยทีเดียว

ศักดิ์สิทธิ์และศรัทธา Qatar State Mosque

สถานที่ต่อมาที่จะพาชม คือ มัสยิด Imam Muhammad ibn Abd Al Wahhab เป็นมัสยิดประจำ ชาติและใหญ่ที่สุดใน กาตาร์ โดยตั้งชื่อมัสยิดตามอิหม่าม Muhammad ibn Abd al-Wahhab ผู้นำ ทางศาสนาและนักวิชาการอิสลาม พอได้มา เห็นสถานที่จริง ขอบอกเลยว่ามีความสวยงาม และยิ่งใหญ่ มากกว่าที่เห็นในรูปถ่ายมากนัก

ก่อนเข้าเราต้องถอดรองเท้าเสียก่อน การแต่งกายต้อง สุภาพ หากเป็นผู้หญิงจะได้รับผ้าสำ หรับใช้คลุมศีรษะด้วย ที่นี่ยัง เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีข้อจำ กัดในเรื่องของศาสนา ยกเว้นในช่วงที่ มีพิธีกรรมทางศาสนา

ตัวอาคารทำ จากหินทราย ส่วนพื้นปูด้วยหินอ่อนเพื่อ ช่วยคลายความเย็นในช่วงฤดูร้อน รับกับความสวยงามของ สถาปัตยกรรมสไตล์อาหรับแบบดั้งเดิม ผสมความร่วมสมัย ให้ ดูเรียบง่ายแต่น่าเกรงขาม พวกเราเดินชมโดยรอบด้วยความสงบ ทั้งที่ภายในใจต่างตื่นตะลึงกับความโอ่อ่าเป็นอย่างมาก และเมื่อ หันหลังกลับไปจากทางที่เดินเข้ามา จะเห็นเส้นขอบฟ้าของอ่าว โดฮาผ่านช่องประตู เป็นภาพที่งดงามและลงตัวเป็นที่สุด

ทัวร์ทะเลทรายซาฟารี

เมื่อเรามาประเทศที่มีทะเลทรายแล้วไม่ได้ไป ก็จะดูเหมือน ไปลอนดอนแล้วไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับหอนาฬิกาบิ๊กเบน (Tower of Big Ben) แต่จะหุนหันพลันแล่นขับรถลุยทะเลทรายเองก็ไม่ได้ เราจึงเลือกใช้บริการทัวร์ทะเลทรายแดงซาฟารี แต่เนื่องจากมี ข้อจำ กัดเรื่องเวลา ก็เลยเลือกโปรแกรมแบบครึ่งวัน พอได้เวลา เราก็ไปรอตามที่นัดหมาย ทริปนี้เดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ มุ่งหน้าสู่ทะเลทรายของกาตาร์ ระหว่างทางได้แวะเส้นทางเลียบ ชายฝั่งติดกับหาดซีไลน์ (Sealine) ซึ่งความพิเศษอยู่ที่พื้นที่โดย รอบเป็นทรายสีขาวราวกับหิมะ ระหว่างที่เรากำ ลังกระหน่ำ ถ่าย ภาพอยู่ ทางพี่คนขับก็จัดแจงเตรียมรถเพื่อจะขับในระบบออฟ โรดบนทะเลทราย แต่ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว และมีเวลาเหลือ พอ ก็เลยชักชวนกันไปลองขี่อูฐ สนนราคาคนละ 20 เรียล โชค ดีที่อูฐตัวที่ขี่ให้ความร่วมมือดีมาก จึงได้ภาพสวยๆ เยอะเลย

เมื่อพร้อมแล้วมาเดินทางกันต่อเลย ขอบอกเลยนะคะ การ นั่งรถบนทะเลทรายสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ “ยาดม” ความสั่นคลอน เกินจะบรรยาย ความตื่นเต้นราวกับนั่งรถไฟเหาะ ตอนที่เป็น ผู้โดยสารเองอาจไม่รู้สึกเท่าไร แต่หากมาเห็นภาพขณะที่รถ กำ ลังไต่ลงจากเนินทรายขนานใหญ่ แอบคิดในใจ ถ้าคุณแม่เห็น ต้องไม่ให้มาแน่ๆ (ขำ ) ภารกิจต่อมาคือการเล่นกระดานทราย กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในทะเลทรายอาหรับอย่างแท้จริง

ปิดท้ายด้วยการชมความสวยงามที่ Khor Al Adaid ที่นี่ ยูเนสโกยกให้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในกาตาร์ กับ ความสวยงามของทะเลสีคราม ห้อมล้อมด้วยเนินทะเลทรายสี ทองอันเป็นสีสะท้อนจากดวงอาทิตย์ใกล้อัสดง และหากโชคดี อาจจะได้พบเห็นนกฟลามิงโก เต่า รวมถึงอาระเบียนออริกซ์ ฯลฯ แพ็กเกจของความปังยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยทัศนียภาพ มุมสูงจากจุดชมวิวจะสามารถมองเห็นพรมแดนของประเทศ ซาอุดิอาระเบียได้ด้วย เป็นการจบทริปตะลุยทะเลทรายได้อย่าง เต็มอิ่ม จนลืมไปว่าขากลับก็ต้องนั่งหัวสั่นหัวคลอน ข้อแนะนำ อย่างเดียวคือ หากหลับได้ให้หลับเลยค่ะ (ขำ )

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 57 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่

สำหรับลูกค้าในประเทศ

สั่งซื้อนิตยสารได้ที่นี่