Skip to content Skip to footer

คณขวัญ รชตานันทวิช

คำตอบของสมาการความสุข

คณขวัญ รชตานันทวิช

วิทยากรระดับ 7, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

สำหรับใครหลายคน การไม่มีเป้าหมายในชีวิตหรือความทะเยอทะยานใดๆ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย บางคนถึงกับหาคำตอบกับสังคมออนไลน์กันเลยทีเดียวว่า จะไปทางไหนต่อดี และโอเคหรือไม่ที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ โดยแค่ให้มั่นใจว่ามีงาน มีเงิน และจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข บางคนมองว่าการมีครอบครัว มีลูก คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย จึงแสวงหาคนที่จะมาร่วมทางไปด้วยกัน แต่คนที่พบว่าการแต่งงานมีลูกมีหลาน ไม่ใช่คำตอบที่สุดของชีวิต กลับมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ตัดคำตอบที่หลากหลาย อันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคนออกไป สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้คือ ไม่ว่าทางเลือกคืออะไร ในสมการของเส้นทางตนเอง ต้องมี “ความสุข” รวมอยู่ด้วยเสมอ

นับว่าเป็นความโชคดีของคุณคณขวัญ รชตานันทวิช หรือ คุณบิว เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่เมื่อเริ่มต้นชีวิตการทำงาน เธอได้มีโอกาสค้นพบสมการนี้เร็วกว่าคนอื่นๆ และ เมื่อเธอเริ่มโฟกัสจุดหมายปลายทางที่เป็นเนื้อแท้ของชีวิต ทุกสิ่งก็ดูเรียบง่ายอย่างฉับพลัน ชีวิต…ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นเรื่องของการเดินทางเข้าหาความสุข ซึ่งเธอพบว่า ยิ่งความคาดหวังและความต้องการลดลงเท่าไหร่ ความสุขยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น

ทราบมาว่าเริ่มฝึกนั่งวิปัสสนามาตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ ผ่านมากี่ปีแล้วคะ

เริ่มปี 2558 ค่ะ ปีนี้ก็ 10 ปีพอดี

มีแรงจูงใจอะไรหรือไม่ ที่เข้ามาทางนี้

ตอนนั้นเริ่มทำงานใหม่ๆ เป็นช่วงเรียนรู้ตนเองว่าชอบอะไร อยากทำอะไร งานที่สองที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้กับ Lufthansa เป็นงานที่รู้สึกชอบและสนุกที่สุด แต่เป็นงานที่นอนไม่เป็นเวลา และเป็นช่วงนั้นที่ได้ปฏิบัติธรรมครั้งแรกค่ะ ที่ไปเพราะว่าเหมือนยังมีคำถามต่อว่า พอเรียนจบแล้ว แล้วไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ชีวิตคืออะไร คือก็รู้แหละว่าต้องทำงาน แต่ว่ามันเหมือนไม่มีเป้าหมายในชีวิต การไปอาจจะทำให้ได้คำตอบอะไรบางอย่าง

เพราะประสบการณ์ตรงนั้นหรือเปล่าที่ทำให้หลังจากนั้น จะให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างงานและเวลาของตัวเอง

เอาจริงๆ ก็เริ่มคิดตั้งแต่ตอนที่เริ่มปฏิบัติธรรมตอนนั้นแล้วว่า อยากทำงานอย่างที่สามารถแบ่งเวลาชีวิตได้ มาปฏิบัติธรรมหรือ ว่าทำงานอาสาหรืออะไรแบบนี้ แล้วก็มีเวลาให้กับครอบครัวด้วย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจะเป็นคนที่สามารถทำงานหามรุ่งหามค่ำได้ ทำเสาร์-อาทิตย์ก็ยังได้ ถ้าไม่มีอะไรมาเบรก ก็จะสามารถนั่งทำงานไป ได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเสร็จ จะมีงานตอนกลางคืน กลับดึก เราทำได้ หมด พร้อมทุ่มเทมากค่ะ

ปกติแล้ว คนในช่วงวัยเริ่มต้นทำงานมักจะมองหางานที่ได้เงินเยอะก่อนเลย หรือไม่ก็ต้องมีอะไรดีๆ ให้เรียนรู้ต่อยอดถ้าเงินเดือนน้อย

เพราะว่าเราไม่มีอาชีพในฝัน แค่รู้ว่าชอบอะไร ตอนนั้นอายุ ประมาณ 22-23 ปี เท่านั้นเอง อย่างตอนเรียนสาขาที่เลือก (ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ก็มาจากความชอบล้วนๆ เลยไม่มีอะไรในหัวว่าอยากทำอะไร ตอนปี 3 ได้ฝึกงานที่ Thai PBS ก็เลยได้รู้ว่าชีวิตนักข่าวคือ 9 โมงถึงเที่ยงคืนทุกวันจริงๆ ก็ รู้สึกแบบหนักเนอะ อีกอย่างหนึ่งถ้ายังเด็กก็อาจจะทำได้คือ ต้องอ่านข่าวทุกวัน หมายถึงต้องอ่านข่าวที่เราไม่ได้สนใจด้วย แต่เราอาจจะ อ่านได้เฉพาะเรื่องที่สนใจ

พอเรียนจบ งานแรกที่ได้เป็นงานเกี่ยวกับวงการเพลง ดูแลพวกยอดขาย ซึ่งเราโอเคเพราะชอบทำงานด้านนี้ แต่เป้าหมายในอาชีพนี่สิ แม้เราจะไม่รู้ว่าอยากทำอาชีพอะไร แต่ก็มีเป้าหมาย อยากทำอะไรที่ มันเกิดประโยชน์ สร้าง Value ทุกงานที่ลองก็พยายามจะหาว่า แต่ละงานทำไปเพื่ออะไร และเกิดประโยชน์อย่างไร คือก่อนหน้าชีวิตมันวาง มาอยู่แล้ว เราต้องมีอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัยนะ แต่จบ ปริญญาตรี มันถึงจุดที่เราต้องคิด แล้วก็เจอว่า อ้าว ทางตัน (หัวเราะ) ทีนี้ต้องคิดเองก็เลยเหมือนล่องลอย ไม่มีอะไรในหัวคือแบลงก์ เราคิดว่า ก็คือรู้ว่ามันต้องทำงาน แต่จะมีคำถามว่าทำไปเพื่ออะไร

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แนวคิดให้เงินทำงานเพื่ออิสรภาพ ทางการเงิน และ Early Retirement ฮิตมาก การมี Passive Income เพื่อเอาเวลาไปสนุกสนาน เดินทางรอบโลก หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้เต็มที่ได้เป็นเป้าหมาย ชีวิตของคนยุคนั้นเลยนะ

จริงๆ แล้ว เมื่อก่อนหนักกว่าตอนนี้อีก คือเราแทบไม่คิดถึงเรื่องเงินเลยค่ะ คิดแค่ว่าจะทำในสิ่งที่ชอบ ถึงได้เยอะได้น้อยก็ตาย (หัวเราะ) คือขอให้เรามีความสุข อาจจะเป็นเพราะว่า ที่บ้านไม่ได้บังคับเรื่องการเรียน พ่อแม่ก็คือขอให้มีที่เรียน อยากให้เรียนที่ดี ๆ แค่นั้นแหละ พอจบมาเห็นคนอื่นๆ ได้เงินเดือนสูงๆ ได้ไปเที่ยวต่างประเทศก็คิดว่าดีเนอะ แต่พอมาชั่งน้ำหนัก ก็คิดว่าถ้าเป็นเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นใหญ่เป็นโต มันไม่เคยมีอยู่ในความคิดเลย ไม่รู้สึก pressure ตรงนั้น ในความคิดของเรา การแต่งงานมีลูก ไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิต การมีรายได้สูงๆ ก็ทำให้ชีวิตสุขสบาย แต่มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เราค้นพบความสุขภายใน

สิ่งที่ค้นพบคืออะไรคะ

….

ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee