เคล็ดลับความสุขและความสนุกของชีวิตเปิดมุมของ PR & Marketing

พรทิพย์ ตัณฑ์จยะ
รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด โครงการ วัน แบงค็อก
ถ้าจะมีอาชีพที่น่าสนุกเป็นอันดับต้นๆ งานด้านประชาสัมพันธ์ (พีอาร์) และงานด้านสื่อสารมวลชน มักจะติดอันดับเสมอ ดูได้จากที่แม้โลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล อาชีพที่คนรุ่นใหม่ต่างใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุดกลับไม่ใช่อาชีพด้านวิศวกรรมเทคโนโลยีหรือข้อมูลที่ตลาดต้องการตัวอย่างมาก แต่กลับเป็นอาชีพสายโซเชียล การเปิดช่องทีวีของตนเองเพื่อเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือนักท่องโลกแชร์ประสบการณ์ หลายคนเชื่อว่านี่คือทิศทางของโลกการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะหลังการมาของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่จะลบภาพจำการทำงานเก่าๆ ไปในไม่ช้า
แต่สำหรับคุณพรทิพย์ ตัณฑ์จยะ หรือ คุณหน่อย รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด โครงการ วัน แบงค็อก ผู้คร่ำหวอดในวงการประชาสัมพันธ์มากว่า 30 ปี AI เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงานให้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่รีรอที่จะนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในงาน คุณพรทิพย์ยังคงเชื่อว่า งานทุกอย่างนั้น ไม่ว่าจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากเพียงใด ยังคงต้องใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปในงานชิ้นนั้นเสมอ เพื่อให้ผลงานของเราแตกต่างและตอบโจทย์ความหลากหลายของลักษณะงาน เพราะนั่นคือการแสดงความจริงใจต่อลูกค้า และใส่ใจในงาน
นอกจากนี้ เธอยังพบว่า การจะประสบความสำ เร็จใน ชีวิตและหน้าที่การงานได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องมีความจริงใจ เป็นองค์ประกอบเสมอ นอกเหนือจากความขยัน ไม่เกี่ยงงาน แต่ถ้าอยากพบความสุขที่เที่ยงแท้ละก็ ต้องดึงตัวเองออกจาก เทคโนโลยีทั้งหลาย แล้วกลับเข้ามาในใจของตนเอง
เริ่มต้นเส้นทางอาชีพสายพีอาร์ตั้งแต่เรียนจบหรือ เปล่าคะ
ใช่ค่ะ ตอนที่เรียนก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองชอบอะไร แต่ รู้ว่าเราเป็นคนเฟรนด์ลี ชอบพบปะผู้คน แล้วพอได้มาทำ ตรง นี้ก็สนุกดี เราเป็นเด็กชอบทำ กิจกรรม แต่เป็นสายกีฬานะ มี งานอะไรเข้าร่วมหมด ทั้งสมัครเอง ทั้งคุณครูเรียกไป แต่จะ ไม่ใช่แนวหวาน พวกรำหรือเชียร์ลีดเดอร์นี่ไม่เอาเลย ขอเป็นแนวกีฬาเท่านั้น แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังทำกิจกรรมเน้น สายบันเทิงและนิเทศตามที่เรียนมา รวมถึงกิจกรรมนำ เชียร์ ด้วย พอใกล้เรียนจบก็ฝึกงาน มีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้กำ กับ ดารา และพอจบมาก็ได้มาทำ งานให้กับรายการผู้หญิงวันนี้ และนิตยสารชื่อเดียวกันด้วย
ความโชคดีคือ เรามีโอกาสได้ทำงานหลากหลายมาก แม้งานจะเป็นด้านพีอาร์ส่วนใหญ่ แต่หัวหน้าให้โอกาสเราลองทำดู เราเลยได้ทำ ตั้งแต่คิดโพรเจกต์ขายงานให้ลูกค้า โพรโมตสินค้า ฝึกเขียนคอลัมน์ เขียนข่าว จนไปถึงฝึกเขียนสคริปต์ ลงเสียง ยุคนั้นเป็นยุคฟองสบู่แตก ดังนั้นมีอะไรให้ ลองทำเยอะมาก มีอยู่งานหนึ่งที่เราลองคิดงานแฟชั่นโชว์ออกมา แล้วก็ทำเองทุกอย่างเหมือนเดิม เป็นอะไรที่สนุกมากๆ จนได้รับมอบหมายให้ลองเป็นพิธีกร ซึ่งตอนนั้นตื่นเต้นมาก พูดผิดๆ ถูกๆ แต่เพราะยังเด็ก ผู้ใหญ่เลยยังเอ็นดูเรา ก็ผ่านไปได้และค้นพบว่า งานพิธีกรเป็นอะไรที่เราชอบมากขนาดให้ ทำฟรีก็ทำให้ได้ (หัวเราะ) แต่สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากตรงนี้ คือ ความรู้ ประสบการณ์ที่ไม่มีใครขโมยไปได้ เงินทองเนี่ย ใช้ไป โดนขโมย โดนปล้น มันก็หมด ดังนั้นอย่าเกี่ยงงานหนัก และอย่าหมิ่นเงินน้อย จากนั้นก็เติบโตในอาชีพเรือยๆ โดย ก่อนจะมาทำงานที่ปัจจุบัน เคยทำอยู่กับ The Mall Group มาก่อน 10 ปีค่ะ
เสน่ห์และความสนุกของงานสายนี้
คือการได้เจอผู้คนหลายหลาย ได้คิด ได้วางแผน ทำให้สิ่งที่เราต้องการเป็นรูปเป็นร่าง มันคือการทำ Message หรือ สิ่งที่เราอยากจะสื่อ อยากจะแชร์ให้คนได้รับรู้ในวงกว้าง จริงอยู่ว่าสินค้าทุกตัวมีทั้งข้อดีข้อเสีย หน้าที่เราคือต้องนำเสนอ ข้อดีให้คนเห็น แต่นั่นยังไม่พอ ข้อดีที่มีต้องแตกต่างจากคู่แข่งด้วย เช่น วันนี้เราทำโรงแรม แต่โรงแรมเราต่างจากคู่แข่งเจ้าอื่นๆ อย่างไร การดีไซน์สถานที่คือเรื่องหนึ่ง แต่ต้องหาจุดต่างของเราที่โดดเด่นออกมาให้ได้ และมันต้องตรงกับจริต ของคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเรา เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ต่อให้เราบอกว่าอันนี้สวย อันนี้ดี แต่ถ้ามันไม่ถูกจริตเขา มันก็ไม่มีประโยชน์
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องทำ Survey ก่อน การทำโฆษณาสินค้าใดๆ สักตัวมันมีค่าใช้จ่าย เราต้องมาหาคำตอบ ให้ชัดเจนก่อนว่า ลูกค้าอยากได้อะไรจากเรา กลุ่มเป้าหมาย ที่เราคิดว่าใช่ จริงๆ ใช่หรือไม่ และตอนทำ Survey ก็ต้องทำให้ตรงกับกลุ่ม ไม่ใช่ไปถามเพื่อนหรือคนรอบข้าง ซึ่งอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายจริง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราต้องยิงให้ถูกเป้าถูกคน จะได้ไม่เปลืองกระสุน ถ้าได้ตรงนี้ เราจะสามารถเซฟได้ทุกๆ อย่างในการทำงาน ถ้าทำแบบ หว่านๆ ไปเรื่อยๆ มันจะได้แต่ปริมาณ แต่ไม่ได้คุณภาพ
เวลาเจอโจทย์ยาก เพราะมันไม่อยู่ในกระแสหรือไม่ใช่สิ่งที่คนนิยม
จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ถ้าทีมพีอาร์มีเป้าหมายชัดเจน และรู้ว่าสินค้ามันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร มันจะวิเคราะห์ได้ง่าย ไปถึงเข้าใจคู่แข่งได้ พอรู้ครอบคลุม การวางแผนและ การทำงานก็จะง่าย การทำงานกับสินค้าทุกตัวมีหลักการเหมือนกันหมดมีรายละเอียดเหมือนกันหมด