
สาวน้อยมหัศจรรย์ผู้มีความชัดเจน
ขึ้นแท่นไอดอลทรงอิทธิพลระดับโลก
ยามเมื่อเอ่ยชื่อไทยแลนด์แดนสยามกับชาวต่างชาติรุ่นใหม่วัยเยาว์สิ่งที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นลูกชิ้นยืนกินที่กลายเป็นอาหารที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเมืองไทยประกบเคียงคู่กับผัดไทย ต้มยำกุ้ง และทุเรียนอย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งคนที่ทำให้ร้านลูกชิ้นเล็กๆหน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์กลายเป็นเมนูระดับโลก ส่งผลให้เจ้าของร้านร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล แรปเปอร์นักเต้นและนักร้องของวงเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง BLACKPINK
ย้อนไปเมื่อเกือบ20ปีก่อนชื่อและสินค้าของเกาหลีใต้แทบจะไร้ความหมายต่อผู้บริโภคซัมซุงหรือฮุนไดสร้างความรู้สึกไม่ต่างจากสินค้าที่ผลิตมาจากจีนจนกระทั่งปี ค.ศ.2005 ช่อง 3 ซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์เกาหลีระดับตำนาน “แดจังกึมจอมนางแห่งวังหลวง” (A Jewel in the Palace) ซึ่งดังระเบิดจากเกาหลีใต้มาก่อนและช่อง 7 นำเอาเรื่อง Full House สะดุดรักที่พักใจมาฉายในไทย ทำให้เมืองไทยโดนกระแส K-Pop บุกชนิดไม่ต้องปิดประตูตี ตั้งแต่นั้นมาซีรีส์เกาหลีก็กลายเป็นกระแสหลักกลบทุกกระแส ตามด้วยพายุเพลงฮิตที่ชื่อว่า “Nobody” จากวงดนตรีป๊อปเกิร์ลกรุ๊ประดับตำนานอย่าง Wonder Girls ที่ไม่ดังแค่ในฝั่งเอเชียแต่ดังไปทั่วโลก ถ้าจะมีพายุลูกไหนที่รุนแรงเท่าก็คงจะเป็นเพลงGangnam Style ของศิลปินชายชื่อ Psy ที่สร้างกระแสไวรัลท่าแดนซ์สไตล์กังนัมไปทั่วโลก
การผงาดของอิทธิพล K-Pop ในเวทีโลกได้จุดประกายความฝันของเด็กทั่วเอเชีย รวมทั้งเด็กหญิงปราณปรียาที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นลลิษา เพราะมีหมอดูทักเลยทำให้เธอได้ชื่อเล่น 2 ชื่อคือ ป๊อกแป๊ก และ ลลิซ ตั้งแต่เล็กลิซ่าชอบเต้นมากเริ่มเรียนเต้นตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และลงแข่งขันในเวทีต่างๆ ได้รับหลายรางวัลที่เด่นๆ คือ รางวัลพิเศษประเภททีมในรายการแอลจีเอ็นเตอร์เทนเนอร์ล้านฝันสนั่นโลก ช่อง9 เมื่อปี ค.ศ.2009 และระหว่างศึกษาที่โรงเรียนประภามนตรีเธอยังเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดร้องเพลงโครงการ“3คุณธรรมนำไทย”จัดโดยศูนย์คุณธรรมได้รับรางวัลรองชนะเลิศ
เมื่อขึ้นชั้นมัธยมต้นลิซ่าเริ่มสนใจ K-Pop และอยากเป็นศิลปินเกาหลีศิลปินโปรดคือ บิ๊กแบง (Bigbang) และทูเอนีวัน (2NE1) จุดพลิกผันของเธอมาถึงเมื่อค่ายเพลงยักษ์ 1 ใน 3 ของเกาหลีใต้ YG Entertainment มาเปิดออดิชันในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.2010(2553) สาวน้อยตาแป๋ววัยกระเตาะกลายเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียวที่ผ่านการคัดเลือกปีต่อมาสาวน้อยวัย 14 ปี ก็เดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตการเป็นศิลปินฝึกหัด
รางวัลแด่คนจริงช่างฝัน
ลิซ่าใช้เวลากินนอนกับเหล่าเด็กฝึกในค่าย5ปีก่อนจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกวงBlackpinkและปล่อยผลงานแรกในปีค.ศ.2016(2559)กวาดทั้งรางวัลศิลปินหน้าใหม่และแฟนเพลงนับล้านเข้าด้อมแบบสบายๆ
ตัวเลข 5 ปี ถือเป็นระยะเวลาที่ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไป ความสามารถและพรสวรรค์ของเธอนั้นไม่มีข้อกังขา เพราะมิเช่นนั้นเธอคงไม่ได้เป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจากไทยแม้แต่ Parris Goebel นักเต้นและออกแบบท่าเต้นระดับครูของครูสอนเต้นยังเอ่ยปากชมว่าเธอเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักเต้นโดยแท้ซึ่งยอดสมาชิกในช่องยูทูบยอดวิวออนไลน์รวมถึงรางวัลต่างๆที่เธอได้รับทั้งในฐานะสมาชิกวงและศิลปินเดี่ยวคือเครื่องการันตี โดยตั้งแต่เธอเดบิวต์ลิซ่าได้รับรางวัลทั้งจากเกาหลี จีน เอเชีย และนานาชาติ รวมทั้งหมด 40 กว่ารางวัล โดยในปี ค.ศ.2021 ลิซ่าได้กวาดรางวัล AsianPop Music Awards มาถึง 7 รางวัล เช่น People’s Choice Awards, Song of the Year (Lalisa), Best Dance Performance, Best Female Artist และ Record of the Year จากซิงเกิลเพลง LALISA และ Money
ล่าสุดเธอคว้ารางวัล Best K-Pop Award เป็นศิลปิน K-Pop คนแรกและศิลปินเดี่ยวที่ชนะรางวัลรายการนี้บนเวที MTV Music Awards 2022 ทั้งฝั่งอเมริกา และยุโรปไม่รวมกับรางวัลที่ยาวเป็นหางว่าวในฐานะ BLACKPINK จากเวทีระดับโลกหลายรายการ และขึ้นปกนิตยสารหัวนอกประเทศต่างๆ ที่ปกติจะให้แต่คนดังจากชาติตนเองเท่านั้น โดยเฉพาะ Vogue Japan เธอเป็นศิลปินเดี่ยวชาวต่างชาติคนที่ 3 ที่ได้ขึ้นปก
Queen of Sold-outs
ความปังของลิซ่ายังได้ขยายไปสู่โลกแฟชั่นและจิวเวลรีอิมเมจ และความสดใสของเธอไปเข้าตาแบรนด์ Celine และBvlgari ทำให้ได้เซ็นสัญญาเป็น brand ambassador ระดับโลกในปี ค.ศ.2019 ทุกครั้งที่ออกงานเธอสร้างปรากฏการณ์ไม่เพียงในโลกออนไลน์แต่ยังไปถึงโลกออฟไลน์ด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับทุกชิ้นกระเป๋าทุกใบรองเท้าทุกคู่ที่ลิซ่าใส่นั้นมียอดจองถล่มทลายหมดเกลี้ยงก่อนออกวางจำหน่ายทุกครั้ง
พลังซูเปอร์สตาร์ของลิซ่าได้เผื่อแผ่ไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอหยิบจับในปี ค.ศ.2018 Celine หลุดจาก Top10 แบรนด์หรูของโลกไปแล้ว เพราะภาพลักษณ์หรูหราแนวเรียบๆสไตล์คุณหนูผู้ดีแต่ไม่กี่วันหลังจากที่บริษัทส่งกระเป๋าไปให้เธอในเดือนกันยายน ลิซ่าได้ถ่ายภาพลงอินสตาแกรมความนิยมของแบรนด์ก็พุ่งกลับมาติดอันดับ1ใน5ของโลกทันทีรายงานการเงินของ Celine ในปี ค.ศ.2020 พบว่ายอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 265% เลยทีเดียวหลังจากที่เธอมาเป็นทูตของ Celine ครบ 2 ปี
Daniel Langer ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษาด้านการวางยุทธศาสตร์สินค้าลักซูรี Équité วิเคราะห์ว่าเธอสร้างมูลค่าทางสื่อให้กับแบรนด์สูงถึง 1.37 ล้านเหรียญสหรัฐนับเป็น 90% ของมูลค่าทางสื่อทั้งหมดของแบรนด์ ส่งผลให้ Celineเป็นแบรนด์หรูที่เติบโตเร็วที่สุดของโลกในปีนั้น
ศิลปิน K-Pop หัวใจไทย ผู้เป็นเด็กน้อยวัย 5 ขวบตลอดกาล
คำตอบคงอยู่ที่ทัศนคติและความคิดของเธอเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความมั่นใจของคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยความฝัน มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักตนเองดีพอทั้งจุดเด่นและจุดด้อย และความอ่อนน้อมถ่อมตนมีสัมมาคารวะตามแบบวัฒนธรรมเอเชียลิช่ายังมีความเป็นธรรมชาติสูงเป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับร่าเริง ที่สำคัญมองโลกเชิงบวกดังจะเห็นได้จากคอนเซ็ปต์ซิงเกิลแรกของเธอ LALISA เพลงจังหวะสนุกสนานแนวฮิปฮอปมีเนื้อหาที่เชื้อเชิญให้คนมารักเธอ ส่วนใครที่เคยเยาะเย้ยถากถางดูถูกเธอ คงได้เห็นแล้วว่าการไปถึงจุดหมายที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
ลิซ่ายังใช้โอกาสนี้โปรโมตความงามของวัฒนธรรมไทยด้วยการใส่ชุดสไบสีทองอร่ามออกแบบโดยห้องเสื้อแบรนด์ไทยเสื้อไหล่เดี่ยวแต่งเคปยาวตัวชุดมีทั้งผ้าสไบและผ้าซิ่นกระโปรงสั้นจับเดรปสีเหลืองทองตัดเย็บจากผ้าไหมยกดอกลำาพูนลายพานจักรพรรดิยกทองประดับด้วยคริสตัลจากSwarovskiที่ปักด้วยมืออย่างประณีตรัดเกล้ายอดและต่างหูออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ไทยเช่นกันดอกไม้ที่ขับกรอบหน้าเธอคือดอกพุดซ้อนมีความหมายว่า“แข็งแรงสมบูรณ์มีความเจริญมั่นคง”สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยโดยในเพลงยังมีการผสานดนตรีไทยพร้อมฉากหลังเป็นปราสาทหินที่คาดว่าถอดแบบมาจากปราสาทหินพนมรุ้งสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์บ้านเกิดของลิช่า
การปรากฏตัวของเธอในชุดไทยมีความยาวเพียง 28 วินาที แต่สั่นสะเทือนไปทั้งพาหุรัดและสำเพ็ง เกิดปรากฏการณ์ชฎารัดเกล้า และชุดไทยที่ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับตอนที่ผ้าลาย Paisley Bandana ที่มีชื่อใหม่ว่า#lisabandana และกลายเป็นแฟชั่นไอเท็มสุดฮอตไปอีกหลายเดือน เมื่อเธอใส่ชุดที่ตัดเย็บจากผ้าชนิดนี้ถ่ายลงเป็นปกอัลบั้มเดี่ยว ทำให้นึกถึงตอนที่เธอแอบโปรโมทอาหารไทยลูกชิ้นยืนกินจากจังหวัดบ้านเกิด จนเจ้าของร้านร่ำรวยชั่วข้ามคืน ทุกวันนี้ชุดไทยห่มสไบเป็นสินค้าขายดีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักซื้อกลับบ้าน หรือเช่าใส่เดินเที่ยวในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต้องขอบคุณละครไทยบุพเพสันนิวาสที่ได้บุกเบิกเป็นเทรนด์ไว้ก่อนที่ลิซ่าจะทำให้กลายเป็น must-doactivity ไปเรียบร้อย
ไอดอลผู้ไม่เคยลืมแผ่นดินเกิด
เกิดเป็นคนดังบางครั้งก็ลำบากมิใช่น้อย เพราะเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2020 ได้เกิดดราม่าใหญ่ เมื่อกลุ่มเยาวชนเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ออกมากล่าวโทษและด่าทอเธออย่างหนักหน่วง โทษฐานไม่ออกมา callout แสดงจุดยืนทางการเมืองต่อต้านรัฐบาล แต่ลิซ่าก็นิ่งเฉยไม่ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด
เหตุผลส่วนหนึ่ง เพราะกฎของต้นสังกัดห้ามศิลปินออกมาแสดงออกในประเด็นทางการเมืองและสังคม เพราะมีผลกระทบต่อการทำงานและรายได้จะไม่ได้อยู่แค่ในวง แต่ยังกระทบไปถึงภาพพจน์และยอดซื้อสินค้าของแบรนด์ต่างๆ ที่ว่าจ้างพวกเธอ เรื่องจบลงด้วยดีเมื่อแฟนคลับต่างประเทศออกมาตำหนิกลุ่มม็อบดังกล่าว สิ่งที่พวกเขาทำขัดกับหลักการประชาธิปไตย เพราะทุกคนมีสิทธิ์ไม่แสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน
ถ้าใครที่ติดตามเธอมาตั้งแต่ต้น จะจำได้ว่าลิซ่ากลับมาเมืองไทย เพื่อกราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร โดยครูก้อยสุภาพรรณ ครูสอนการเต้นของลิซ่าสมัยอยู่เมืองไทย ได้โพสต์ภาพลิซ่าแต่งชุดไทยประยุกต์สีดำเข้าคิวรอกราบพระบรมศพเหมือนคนอื่นๆ โดยครูก้อยเขียนไว้ในโพสต์ว่า
“ความตั้งใจ คือ จะต้องมากราบพระบรมศพเหมือนคนไทยทุกคนที่รักพ่อหลวงรัชกาลที่9พอมีจังหวะรีบมาเมืองไทยไม่มีเวลาตัดชุดคุณแม่ซื้อชุดเตรียมไว้ให้หลวมไม่พอดีตัวใช้เข็มกลัดติดเอา
ตื่นตีสี่มาต่อคิวเข้าแถวแต่เช้าเหมือนทุกคน ทานข้าวต้มที่จัดบริการประชาชนกว่าจะได้เข้ากราบรอประมาณ 9 ชม. ลิซ่าไม่บ่นสักคำ บางคนรอนานกว่าเราอีกน้ำตาคลอปลื้มปริ่มหัวใจกันทุกคน ขากลับกินอาหารและเฉาก๊วยที่สำนักพระราชวังจัดให้ประชาชน
เดินไปกินไปนั่งรถเมล์ที่จัดบริการเพื่อไปต่อรถด้านนอกเพราะรถเข้ามาไม่ได้ครูก้อยชวนเดียร์น่ามาด้วยเดียร์น่าป่วยเป็นไข้แทนที่จะพักแต่ตั้งใจมาต้องมานอนหนุนตักครูช่วงรอเพราะฤทธิ์ไข้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนลิซ่าก็ยังสำานึกและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยรูปนี้ถ่ายไว้3/2/17″
ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สนามราชมังคลากีฬาสถานกลับมากระหึ่มก้องเมืองอีกครั้ง เพราะเราได้เห็นBLACKPINK in your area เป็นรอบที่2 ของปีนี้ คนที่ดีใจที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลิซ่า เพราะสำหรับเธอนี่คือ วันที่ได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวอีกครั้ง สิ่งที่ต้องโฟกัสต่อคือสัญญาของ BLACKPINK กับ YG ที่กำลังจะหมดลงในเดือนสิงหาคมนี้ กระแสข่าวตอนนี้จึงมุ่งไปที่การตัดสินใจของสมาชิกวงมีรายงานจากวงในว่าลิซ่าได้รับการทาบทามจากค่ายเพลงอื่นซึ่งเสนอค่าตัวถึง1แสนล้านวอน
ไม่ว่าผลการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรและไม่ว่าเมื่อไหร่ เราเชื่อว่าลิซ่ายังคงเป็นลิซ่าเป็นตัวของตัวเองชัดเจนและกล้าแสดงจุดยืนของตน นั่นคือพูดให้น้อยทำให้มาก ครั้งหนึ่งในปีจีซูได้เปิดวีดีโอVLiveพูดคุยทักทางแฟนคลับพร้อมกับลิซ่าตอนหนึ่งพูดถึงอาหารรสเผ็ดและจีซูได้ถามน้องเล็กของวงว่า “เกาหลีเป็นอะไร” ลิซ่าตอบว่า “ประเทศของพวกเราไง” “อ้าวแล้วประเทศไทยล่ะ” “ประเทศของฉัน” ส่งผลให้สมาชิกในวงหลุดขำ และเรียกเสียงชื่นชมจากแฟนทั่วโลกว่าเธอเป็นคนไม่ลืมบ้านเกิดของตัวเอง โดยคอมเมนท์จำนวนมากกล่าวว่าพวกเขารู้จักประเทศไทยมากขึ้นและเริ่มสนใจความเป็นไทยก็เพราะลิซ่ารู้สึกชื่นชมวัฒนธรรมไทยมาก และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงมีกิริยามารยาทอ่อนน้อมน่ารักยิ้มง่าย
ทั้งหมดนี้ คือ ลิซ่า BLACKPINK ผู้เพียบพร้อมทั้งพรสวรรค์และพรแสวงเป็นความภูมิใจของคนในชาติพอๆกับที่เธอภูมิใจในความเป็นคนไทยของตน