
หนึ่งในข้อดีของอาชีพแอร์โฮสเตสที่หลายคนมัก อิจฉา คงไม่พ้นการได้เดินทางท่องเที่ยวตลอดเวลา (ถ้าไม่นับความเหนื่อยรากเลือดในบางไฟลต์) ทริปหลังทำางานในครั้งนี้ของเรา ยิ่งทำให้เรารู้สึกถึง ความโชคดีและน่าอิจฉานั้นจริงๆ (ขออภัยที่อาจดู น่าหมั่นไส้) ซึ่งครั้งนี้เรามีโอกาสได้ไปเยือนจอร์เจีย (Georgia) ประเทศที่มีภูมิทัศน์สวยงาม กึ่งยุโรปผสม รัสเซีย สวยชนิดที่นั่งคิดแล้วคิดอีกว่าจะถ่ายรูปออกมา อย่างไรให้ตรงปกดี
และด้วยความที่จอร์เจียตั้งอยู่ในภูมิภาค คอเคซัส ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างยุโรปตะวันออกและ เอเชียตะวันตก มีพรมแดนทางทิศตะวันตกติดกับ ทะเลดำ ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับรัสเซียทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ติดกับตุรกี ทิศใต้ติดกับอาร์เมเนีย และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับอาเซอร์ไบจาน จึงทำให้มีความหลากหลายทั้งทางด้านวัฒนธรรมและ สถาปัตยกรรม ไม่นับธรรมชาติที่เรียกได้ว่าสวยกว่า ภาพวาด ทำาให้เราอยากศึกษาเรียนรู้เพื่อทำความรู้จัก ประเทศนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นไปอีกเลยค่ะ
ก่อนพาเที่ยว ขอเล่าแบ็กกราวด์ของประเทศนี้คร่าวๆ จอร์เจียมีประชากรราว 3.7 ล้านคน ชาวจอร์เจียโดยส่วนใหญ่ 87.6% พูดภาษาจอร์เจีย และมีประมาณ 15% ที่พูดภาษา อังกฤษบ้าง เรื่องนิสัยของคนที่นี่ส่วนใหญ่ที่เจอคืออัธยาศัยดี คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างดี ถึงบางครั้งเราจะ เจอคนที่ไม่สื่อสารภาษาอังกฤษ แต่เรายังสามารถสัมผัสได้ถึง ความจริงใจและความเป็นมิตรที่เขามีให้เรา คอยหาคนมาช่วย แปลตลอด ประทับใจมากค่ะ
หากพูดถึงจอร์เจียแล้ว คงจะพลาดไม่ได้ที่ทุกท่านจะต้อง อยากไปเที่ยวทบิลีซี (Tbilisi) เมืองหลวงอันแสนสวยและใหญ่ ที่สุดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคูรา (Kura) ทบิลีซี เป็นเมืองที่สามารถ เดินทางได้ด้วยรถบัส รถไฟใต้ดิน และใช้บริการผ่าน แอปพลิเคชัน เช่น Bolt ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่สนใจ หรือชอบเที่ยวนอกเมือง เรามีสถานที่ที่น่าสนใจ ใช้เวลาไม่มาก แต่เก็บได้ครบทุกบรรยากาศมาแนะนำ คือ เส้นทางชมธรรมชาติ บนเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ซึ่งตลอดทางเราจะได้เจอ สถานที่ที่น่าสนใจมากมาย โดยสามารถเช่ารถขับเอง วันละ ประมาณ 1,800–2,500 บาท หรือจ้างเหมาแท็กซี่หรือ มินิแวนพร้อมคนขับผู้เชี่ยวชาญเส้นทางได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้ ตกลงราคากันให้ชัดเจน ระบุสถานที่ที่เราจะไปให้ครบก่อน นะคะ เพราะหากเราไปเพิ่มสถานที่ทีหลัง อาจจะมีการ เปลี่ยนแปลงราคาหน้างานแบบงงๆ ได้
Jvari Monastery of mtskheta
วิหารจวารี (Jvari Monastery) หรือบางท่านก็เรียกว่า โบสถ์แห่งไม้กางเขน (Monastery of the cross) โบสถ์แห่ง ไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับการสักการะจากชาวจอร์เจีย ผู้นับถือเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของ ศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ เมื่อเราก้าวเข้าไปในโบสถ์ ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือ สัมผัสได้ถึงความสงบและสวยงาม มองไปทางไหนก็รู้สึกได้ถึงรายละเอียดและความตั้งใจในการ ก่อสร้าง โบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 6 ตั้งอยู่ที่เมือ งมตสเคตา (Mtskheta) เมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย ซึ่งเป็นจุด ตัดของแม่น้ำอารากวีและแม่น้ำมตควารี ภายในมีไม้กางเขน ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางโถง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดก โลก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1994
จากจุดชมวิวของโบสถ์ มองลงมาจะเห็นทัศนียภาพเมือง โบราณมตสเคตาที่งดงาม และวิวแม่น้ำาที่ให้ความรู้สึกถึงความ ร่มรื่นและบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่น
Panorama of Zhinvali Reservoir
จุดชมวิว อ่างเก็บน้ำ ทิวทัศน์บนถนนทางหลวง(Georgian Military Highway) ระหว่างทางไปเมืองคาซเบกี (Kazbegi) ซึ่งระหว่างข้างทางนี้จะมีจุดแวะพักเพื่อชมวิวอ่างเก็บน้ำสวยๆหลายจุด น้ำที่นี่เป็นสีฟ้าใสสลับกับสีเขียว ตัดกับวิวภูเขาสี น้ำตาล สวยจนขนาดว่าถ้าไม่ต้องเดินทางไปต่อ ก็อยากจะ หยุดพักชม ถ่ายรูปและซึมซับบรรยากาศต่ออีกนานๆ ให้คุ้มไป เลย บางจุดที่แวะถ่ายรูปก็จะมีคนมาขายของพื้นเมืองต่างๆ ทั้ง หมวก เสื้อขนสัตว์ รองเท้า หรือแม้แต่ปืนยาว หากใครสนใจ อาจจะต้องตกลงราคากันให้ดีก่อนตัดสินใจนะคะ เพราะมีทั้ง ราคาถูกและแพงต่างกันไป ส่วนเราดันไปถูกชะตาคนขาย เลย ได้ยืมมาถ่ายรูปเล่นเก๋ๆ
Russia-Georgia Friendship Monument
อนุสาวรีย์มิตรภาพ รัสเซีย-จอร์เจีย เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้าง ขึ้นจากหินและคอนกรีตในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่อง ในโอกาสครบรอบ 200 ปี ของสนธิสัญญาจอร์เจียฟสค์ (Treaty of Georgievsk) สนธิสัญญาที่แสดงถึงมิตรภาพระหว่าง จักรวรรดิรัสเซียและราชอาณาจักรจอร์เจียตะวันออก ลักษณะ เป็นกำาแพงหินโค้งขนาดใหญ่บนเนินเขา โดยมีจิตรกรรมภาพ วาดบนกระเบื้องโมเสกสีสันสดใส บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์และ วิถีชีวิตของชาวรัสเซียและชาวจอร์เจียเอาไว้ด้วย นอกจากจะได้ ชมสถาปัตยกรรมของจอร์เจียแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวเทือกเขา คอเคซัสแบบ 360 องศา ที่สวยแบบมองเท่าไหร่ก็ไม่พอ อากาศ ก็บริสุทธิ์แบบที่อยากจะสูด เก็บไว้ให้ชุ่มปอด อยากจะ ซึมซับบรรยากาศนี้ไว้นานๆ
ช่วงเวลาที่เราไปลมแรง มาก มากจนเกินต้าน เพื่อน ร่วมทางหลายคนถอดใจ ไป ได้แค่ครึ่งทางเอง แต่ถ้าใคร ไหว อยากให้ไปจนถึงจุดชม วิวที่ยื่นไปตรงผา เพราะคุณ จะได้บรรยากาศและวิวที่ ประทับใจไม่รู้ลืม
Gergeti Trinity Church, Kazbegi
โบสถ์เกอร์เกตีเป็นโบสถ์คริสตจักรเก่าแก่ที่ผสม ผสานแบบออร์ทอดอกซ์และ Apostolic Church เป็น โบสถ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศจอร์เจีย สร้างด้วย หินแกรนิตขนาดใหญ่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่บน ยอดภูเขาสูงกว่า 2,170 เมตร ภายใต้ยอดเขาคาซเบกี อันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส ใกล้กับหมู่บ้าน เกอร์เกตี (Gergeti) เมืองคาซเบกีอยู่ทางตอนเหนือของ เมืองทบิลีซี โบสถ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของ ประเทศจอร์เจีย ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาชมความงาม ของสถาปัตยกรรม และจากตัวโบสถ์จะสามารถชมวิว เทือกเขาคอเคซัสอันสวยงามได้อย่างใกล้ชิด
การขึ้นไปเที่ยวชมโบสถ์จะต้องใช้รถโฟร์วีลส์ขึ้นไป นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เช่ารถขับมาเอง หรือเหมารถมินิแวนมา จะมาเช่ารถของคนท้องถิ่นพร้อมคนขับที่จอดรอตรง เนินเขาทางขึ้นโบสถ์ต่ออีกที รถที่เราเช่าต่อ มีเวลาจำกัด คือ มีเวลาลงเดินได้ไม่เกิน 30 นาที ต้องรีบทำรอบกลับมาขึ้นรถ ลงเขาต่อ หรือหากบางท่านต้องการเดินตามเส้นทางศึกษา ธรรมชาติ ก็สามารถเดินขึ้นเขาแบบชิลๆ ได้ โดยจะใช้เวลา ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ถึงแม้ว่าการเดินทางขึ้นไปจะมีหลากหลายขั้นตอน แต่ทุก คนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่ากับความงามที่ได้รับ ได้สัมผัส หลังจากที่ขึ้นไปถึงโบสถ์แล้วจริงๆ เพราะวิวและมุมถ่ายรูป สวยๆ มีเยอะมาก นี่เป็นเพียง 4 จุดหลักๆ ที่เหมาะสำหรับนัก ท่องเที่ยวที่มีเวลาน้อย หากใครที่มีเวลาสามารถ แวะได้หลายจุด หรือแม้แต่แวะพักที่โรงแรมราคาหลักพัน วิว หลักล้านได้ ที่พักที่แนะนำ คือ Rooms Hotel Kazbegi มีทั้ง สระว่ายน้ำ สปา บาร์ ร้านอาหาร ครบ
ส่วนท่านที่ไป One day trip ช่วงกลางวัน สามารถแวะรับ ประทานอาหารที่โรงแรม แล้วช่วงค่ำแวะรับประทานอาหารใน เมืองได้ ร้านอาหารพื้นเมืองที่ทบิลีซีมีเยอะมากค่ะ ส่วนเรา ไปร้าน Terrace #21 บรรยากาศดี แนวรูฟท็อป วิวสวย และ ที่สำคัญอาหารอร่อย อยากแนะนำาให้ลอง Cornbread with Succii cheese, Beef soup, Lamb bbq and eggplant with meat ball ซึ่งอร่อยจนต้องสั่งซ้ำ ทริปนี้เรียกได้ว่าได้รับ ความสุขทั้งทางตา ทางกาย และทางใจเลยทีเดียว