Skip to content Skip to footer

วิกเตอร์ ฮูโก

จากปลายน้ำ หมึก สู่สำนึกความเป็นชาติ

ร้อยกรองและวรรณกรรมฝรั่งเศส ถือเป็นหมวดหมู่งานประพันธ์ที่ได้รับยกย่องเป็นพิเศษจากโลกสากล ทั้งในแง่ปรัชญาภาษา การมอบคุณค่า ข้อคิด และความหมายผ่านเนื้อหาที่เข้มข้นทางอารมณ์ สำหรับเหล่านักอ่านมืออาชีพ นอกจากการเสพนวนิยายอย่างเจ้าชายน้อย (อองตวน เดอ แซงเต็ก-ซูเปรี) หรือมาดามโบวารี (กุซตาฟ โฟลว์แบรต์) แล้ว ย่อมคุ้นเคยกับบทประพันธ์คลาสสิกตลอดกาล คือ เหยื่ออธรรม (Les Misérables) ผลงานของ วิกเตอร์ ฮูโก นักเขียนผู้สร้างชื่อสูงสุดในประวัติศาสตร์เมืองน้ำหอม

วิกเตอร์ ฮูโก หรือวิคตอร์ อูว์โก ตามสำเนียงฝรั่งเศส ผู้เป็นต้นแบบสำคัญในหมู่นักเขียนแนวโรแมนติก (Romanticism) และเลือกใช้ปากกาสร้างสันติภาพแก่โลก เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1802 ณ เมืองแบซ็องซง (Besançon) ในครอบครัวที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน เนื่องจากบิดาเป็นนายพลประจำกองทัพจักรพรรดินโปเลียน ขณะที่มารดาผู้เคร่งศาสนาให้การสนับสนุนระบอบกษัตริย์แบบจารีต แนวคิดสองขั้วเช่นนี้ ส่งผลโดยตรงมาถึงฮูโกผู้ฝักใฝ่การอ่านหนังสือ ทั้งฉายแววด้านการประพันธ์บทกวีและบทละครมาแต่เยาว์วัย

เมื่อย่างสู่วัยรุ่น ชายหนุ่มได้เข้าศึกษาที่หลุยส์เลอกรองด์ (Lycée Louis-le-Grand) โรงเรียนชั้นนำด้านวิชาการ ที่ที่เขาได้ศึกษาภาษาละติน ศิลปศึกษา อิทธิพลของผลงานแนวคลาสสิก และเรียนรู้การผลิตเรื่องราวจากจินตนาการที่สละสลวยซับซ้อน จนได้ตีพิมพ์จำหน่ายผลงานของตัวเองในที่สุด

ฮูโกคลุกคลีกับการผลิตเรื่องราวป้อนกลุ่มนักอ่านได้ระยะหนึ่ง จึงหันมาถือข้างความเป็นไปในบ้านเมือง ผ่านการเป็นแนวร่วมต่อต้านจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 แล้วสนับสนุนการเถลิงราชย์ของพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ เพื่อฟื้นฟูกิจการราชสำนักและระบอบราชวงศ์ฝรั่งเศส ทดแทนระบอบสาธารณรัฐที่ดำเนินอยู่

ต่อมา หลังเกิดรัฐประหารปี ค.ศ. 1851 ซึ่งพาประเทศ ฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคจักรวรรดิที่สอง ฮูโกจำต้องต้องลี้ภัยไปยังเกาะ เจอร์ซีย์และเกิร์นซีย์ในหมู่เกาะแชนเนล (Channel Islands) เป็นเวลานาน 19 ปี โดยห้วงเวลาดังกล่าว นับเป็นยุคทองสำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน ฮูโกจับปากกาสะท้อนรอยร้าวในบ้านเมืองแล้ววิพากษ์วิจารณ์นโปเลียนผ่านผลงาน Napoleon le Petit (1852) และ Histoire d’un crime (1877) ทั้งได้ประพันธ์ผลงานที่เป็นมรดกทางวรรณกรรมฝากไว้ในโลก เช่น Les Misérables (1862) ที่กล่าวถึงความอยุติธรรมในสังคมฝรั่งเศส ผ่านตัวละคร ฌอง วัลฌอง อดีตนักโทษผู้ต่อสู้เพื่อการไถ่บาปของตน Les Travailleurs de la Mer (1866) ที่สดุดีเหล่าชาวประมงและแรงงานริมฝั่งทะเล หรือ L’Homme qui rit (1869) ซึ่งเป็นวรรณกรรมสะท้อนความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น ผ่านตัวเอกผู้ถูกบิดเบือนรูปลักษณ์ตั้งแต่เด็กเพื่อสร้างเสียงหัวเราะแก่วงสังคมชั้นสูง

หลังจากยุคจักรวรรดิที่สองล่มสลาย และฝรั่งเศสกลับสู่ระบอบสาธารณรัฐ ฮูโกได้เดินทางกลับบ้านเกิดในปี ค.ศ. 1870 เขาได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญระดับชาติ และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติด้วยขณะลี้ภัยอยู่โพ้นทะเล ผลงานที่ทรงพลังของฮูโกยังถูกส่งกลับมาเผยแพร่ในแผ่นดินใหญ่ อย่างต่อเนื่อง เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ศรัทธา และโน้มกระตุ้นหลักเสรีภาพประชาชนอย่างแข็งขัน แม้จะถูกคุกคามจากการเมืองขั้วตรงข้ามบ่อยครั้ง

ชีวิตบั้นปลายของฮูโกต้องประสบกับความสูญเสียอย่างใหญ่ด้วยการจากไปของบุตรสองคนได้แก่ ชาร์ลส์ (Charles Hugo) และฟร็องซัวส์-วิกตอรีน (Françoise-Victorine Hugo) ทำให้เขาดำดิ่งกับความเศร้าโศกเป็นเวลานาน จนสุขภาพทรุดโทรมลง และได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1885 ขณะอายุ 83 ปี

รัฐบาลฝรั่งเศสได้มีการประกาศไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ กล่าวกันว่าตลอดพิธีการเคลื่อนขบวนศพผ่านถนนฌ็องเซลิเซ่ ไปยังมหาวิหารแพนธีออนกลางกรุงปารีส มีประชาชนเดินทางมาแสดงความอาลัยเขาเป็นครั้งสุดท้ายมากกว่าหนึ่งล้านคน

แม้วันเวลาจะล่วงเลยไป แต่มรดกความคิดจากฮูโกยังทรงอิทธิพลไปทั่วโลก ดังคำเปรยที่ว่า ผลงานของฮูโกเป็นกระจกสะท้อนมนุษยธรรม ความยุติธรรม รวมถึงศักดิ์ศรีของมนุษย์ ที่ทรงคุณค่าและเป็นอมตะตราบถึงปัจจุบัน