Skip to content Skip to footer

อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์

หมึก ปริศนา และเหตุผล

ผู้สร้างเงาแห่งโฮล์มส์

อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์

ค่ำคืนหนึ่งในเอดินบะระ ลมเหนือพัดผ่านอย่างเย็นเยียบ หมอกจางลอยต่ำคลุมตรอกแคบ เสียงเกือกม้าดังก้องยามกระทบถนนหินกรวดก่อนจะจางหายไปในม่านรัตติกาลบนชั้นสองบ้านเก่าหลังหนึ่ง แสงจากโคมไฟลอดออกมา ภายในห้องเต็มไปด้วยกระดาษปึกใหญ่ เสียงปากกาขนนกครูดผ่านพื้นผิว กระทั่งหยุดนิ่ง ชายผู้นั้นเอนหลัง ปลายนิ้วแตะ คาง ดวงตาครุ่นคิด เขาก้มลงมองตัวอักษรที่เพิ่งบันทึก “เชอร์ ล็อก โฮล์มส์” ใช่แล้วชื่อนี้ ภาพของเขาชัดเจนขึ้นในห้วงความคิด นักสืบผู้มีสายตาดุจเหยี่ยว ผู้ไขปริศนาด้วยตรรกะและเหตุผล ผู้ที่จะก้าวออกจากหน้ากระดาษและกลายเป็นตำนาน

ในกลางศตวรรษที่ 19 เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาโดย มีชะตาลิขิตให้กลายเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ เขาคือ อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ เด็กชายจากตระกูลชาวไอริชผู้ที่มีศิลปะไหลเวียนอยู่ในสายเลือด แต่ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีชื่อเสียงในแวดวงศิลปะ พ่อของเขา ชาร์ลส์ อัลตามอนต์ ดอยล์ กลับเป็นศิลปินผู้ล้มเหลว ติดสุราอย่างหนักจนไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ ส่วนแม่ของเขา มารี โฟเลย์ ดอยล์ เป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลม สดใสร่าเริง และมีพรสวรรค์ด้านการเล่านิทานเหนือชั้น ดอยล์เติบโตมากับเรื่องเล่าสุดระทึกจากริมเตียงนอน ที่แม่ของเขาแต่งและเล่าให้ฟัง กลายเป็นเชื้อไฟที่บ่มเพาะจินตนาการของเขาตั้งแต่เล็ก

เมื่ออายุเพียง 9 ขวบ ดอยล์ถูกส่งเข้าเรียนโรงเรียนประจำเยซูอิต สโตนีเฮิร์สต์ (Stonyhurst) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัยเข้มงวดและบทลงโทษสุดโหด ราวกับฝันร้ายสำหรับเด็กชายผู้รักอิสระ สิ่งเดียวที่ช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นได้คือการเขียนจดหมายถึงแม่ และการเล่านิทานให้รุ่นน้องฟัง เด็กๆ ต่างพากันมารุมล้อมทุกครั้งที่เขาเริ่มเล่าเรื่อง นับเป็นสัญญาณแรกของพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องอย่างแท้จริง

หลังเรียนจบจากที่นั่น ครอบครัวหวังให้เขาสืบทอดสายเลือดศิลปิน แต่ว่าดอยล์กลับเลือกเรียนต่อด้านแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระ และที่นั่นเอง เขาได้พบกับบุคคลผู้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล คือ ศาสตราจารย์โจเซฟ เบลล์ เป็นผู้มีทักษะการสังเกตและวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม สามารถวินิจฉัยโรคได้จากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของคนไข้ เช่น ท่าทางการเดิน ไปจนถึงรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ดอยล์ทึ่งอย่างมาก แถมในเวลาต่อมา เขาได้นำเอาความสามารถเหล่านี้ของเบลล์มาถ่ายทอดลงในตัวละครนักสืบที่โด่งดังที่สุดใน “เชอร์ล็อก โฮล์มส์”

หลังจากเรียนจบ ดอยล์ออกเดินทางในฐานะแพทย์ประจำเรือ ได้สัมผัสโลกกว้าง และสะสมประสบการณ์สุดระทึกมากมาย จนในปีค.ศ. 1887 นวนิยายเรื่องแรกของเขา “แรงพยาบาท” (A Study in Scarlet) ได้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรก เป็นการเปิดตัวคู่หูในตำนานอย่าง เชอร์ล็อก โฮล์มส์ และ ดร.วัตสัน แม้ว่าในช่วงแรกจะไม่ได้รับความนิยม แต่เมื่อถูกตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสาร The Strand Magazine ความนิยมก็พุ่งทะยานจนหยุดไม่อยู่

ในปี ค.ศ. 1893 โคนัน ดอยล์ ได้เขียนตอนจบของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ใน “ปัจฉิมปัญหา” (The Final Problem) โดยให้โฮล์มส์ ดวลกับศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี ที่น้ำตกไรเชินบัค แฟนๆ ทั่วโลกต่างช็อก ! หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่ “เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ตายแล้ว” ผู้คนโกรธแค้นถึงขนาดส่งจดหมายต่อว่ามากมาย แม้แต่ราชินีวิกตอเรียยังมีพระราชสาส์นแสดงความเสียดาย สุดท้าย ดอยล์ต้องยอมคืนชีพให้เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ในเรื่อง “การผจญภัยของบ้านว่าง” (The Adventure of the Empty House, 1903) ท่ามกลางเสียงเฮของแฟนๆ ทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน เชอร์ล็อก โฮล์มส์ยังคงเป็นหนึ่งในตัวละครอมตะ ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีส์นับครั้งไม่ถ้วน

นอกจากการเป็นนักเขียน ดอยล์ยังเป็นนักต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เขาเคยช่วยเปิดโปงความผิดพลาดในคดีของจอร์จ เอ ดัลจี และ ออสการ์ สเลเตอร์ ซึ่งนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของอังกฤษ และยังเดินทางไปเป็นแพทย์อาสาในสงครามแอฟริกาใต้ ส่งผลให้เขาได้รับพระราชทานตำแหน่ง “เซอร์”

เมื่อดอยล์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1930 เขาทิ้งมรดกแห่งจินตนาการไว้เบื้องหลัง เชอร์ล็อก โฮล์มส์ กลายเป็นสัญลักษณ์ ของตรรกะและความยุติธรรมแห่งโลกวรรณกรรม ซึ่งที่ 221B เบเกอร์สตรีต เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ยังคงโลดแล่นและไม่มีวันตาย

ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee