Skip to content Skip to footer

มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท

ช่วงเวลานี้ หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องปัญหาปากท้อง ชักหน้าไม่ถึงหลัง จากข้อมูลของ Trading Economics ไทยอยู่อันดับ 6 ของโลกในกลุ่มประเทศที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี สูงที่สุดในโลก คือ 92.3% โดยคนไทยมีหนี้เฉลี่ย 6 แสนกว่าบาทต่อครัวเรือนเลยทีเดียว และน่าเป็นห่วงอย่างมากเพราะ ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ฉบับนี้ จึงอยากเล่าเรื่องคุณค่าของการเก็บหอมรอมริบ ที่ชี้ชะตาประเทศมาแล้ว

รัตนโกสินทร์ในภาพจำของคนไทยมักเริ่มต้นที่รัชกาลที่ 1 แล้วข้ามมารัชกาลที่ 5-6 ทันที แต่ช่วงต้นรัตนโกสินทร์นั้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง ในเวลานั้น เงินทองในท้องพระคลังร่อยหรอจนเข้าขั้นติดลบ เพราะมีรายจ่ายด้านการสร้างประเทศและการศึกมาตลอด เจ้านายหลายพระองค์ต้องหารายได้เอง รวมถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) สมัยนั้นยังเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงส่งตัวแทนไปค้าขายที่เมืองจีน สร้างรายได้มหาศาลระดับเจ้าสัวในยุคนี้ แต่พระองค์แทบไม่ได้นำเอาเงินนั้นไปใช้ส่วนพระองค์ ทรงแยกเงินใส่ถุงแดง ถุงละ 10 ชั่ง แล้วตีตราปิดปากถุง เก็บไว้ในกำปั่นข้างห้องพระบรรทม ส่วนหนึ่งเพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนา ที่เหลือส่วนใหญ่เพื่อ “เอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง” ซึ่งก็ได้ใช้จริงๆ ในรัชกาลที่ 5 เมื่อกรุงเทพฯ โดนกองเรือรบฝรั่งเศสปิดล้อมเป็นเวลา 12วัน จากข้อพิพาทดินแดน และเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาลจนเกลี้ยงท้องพระคลัง



ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee