
การมีครอบครัวและเจ้าตัวน้อยทำให้นิยามของ “บ้าน ในฝัน” ซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้น เพราะบ้านในฝันสำหรับ เด็กน้อยนั้น นอกจากมีสิ่งแวดล้อมที่ดี บรรยากาศในบ้าน อบอุ่นปลอดภัย เพื่อการเติบโตเป็นคนจิตใจดี เห็นคุณค่า ของความดีงามแล้ว ยังต้องเอื้อต่อพัฒนาการทางความคิด อีกด้วย วิธีที่ง่ายดายและเห็นผลชัดเจนที่สุดคือ การสร้าง มุมอ่านหนังสือ และเลือกหนังสือที่มีคุณภาพหลากหลาย หัวข้ออย่างน้อย 350 เล่มไว้ในบ้าน
เหตุที่ต้องเป็น 350 เล่ม ก็เพราะว่าผลการเก็บข้อมูล และวิจัยกว่า 4 ปีของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย และ องค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานด้านสมรรถนะในการทำงานกับผู้ใหญ่ที่อายุตั้งแต่ 25-65 ปี จาก 31 ประเทศทั่วโลก เมื่อไม่นานมานี้พบว่า คนที่โตมาท่ามกลางหนังสือและมีคน ที่อ่านหนังสือเป็นประจำในบ้าน จะสามารถคิดวิเคราะห์ได้ ดีกว่า โดยจำานวนหนังสืออย่างน้อยที่สุดที่ควรมีคือ 350 เล่ม และ 80 เล่มคือจำานวนต่ำาสุดที่จะทำให้เห็นความแตกต่าง
มาตรการล็อกดาวน์จากโรคระบาดทำให้จำนวนคนที่อ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น และแม้ตลาดหนังสืออีบุ๊กและออนไลน์จะเติบโตขึ้นอย่างมาก แต่ก็ยังห่างจากหนังสือกระดาษอยู่พอสมควร นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง เพราะผลการศึกษาพบว่า สมองคนเรานั้นเรียนรู้และจดจำข้อมูลจากการอ่านบนกระดาษมากกว่าจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท นั่นเพราะกระดาษไม่มีการกะพริบเหมือนจอ ที่แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันรบกวนการทำงานของสมองและดวงตาโดยไม่รู้ตัว ทำให้เหนื่อยล้าได้เร็ว ครั้งต่อไปถ้าอยากศึกษาหาความรู้เรื่องใดจริงจัง ให้เดินเข้าร้านหนังสือแทนที่จะกดหาจากมือถือ จะช่วยให้จำาได้ง่ายขึ้นและเข้าใจได้แน่นอน