Skip to content Skip to footer

ทิ้งทวนเจเนอเรชั่นของ MINI Final Edition

ช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่​ ก็จะมีรถยนต์บางรุ่น​ที่กำลังจะต้องอำลาไปตามธรรมชาติ​ แต่เผอิญรอบนี้เป็นรถ​หนึ่งในดวงใจตลอดกาลของผู้เขียนเอง​ นั่นคือ​ MINI​ Clubman​ ​ ที่คราวนี้มาในชื่อ​ Final​ Edition​ (เศร้าแป๊บ​ T_T)​ ​

ในกลุ่มรถใหญ่​ (ใหญ่สำหรับ​ MINI)​ MINI​ ตัดสินใจที่จะ​ ไปต่อกับ​ Countryman​ และ​ Aceman​ รถไฟฟ้าเพื่ออนาคต​ ที่เผยโฉม​ concept​ car​ ออกมาเป็นที่เรียบร้อย​ ปล่อยให้​ ​ Clubman​ ที่มีอายุมา​ 54​ ปี​ ตั้งแต่ปี​ ค.ศ.​1969​ เป็นตำนานรถ​ 5​ ประตูที่คลาสสิก​ หล่อ​ สมาร์ต​ อเนกประสงค์​ และแข็งแรง​ ​ เรียกได้ว่าเป็น​ “Gentleman”​ แห่งวงการตลอดไป​

แน่นอนว่ารุ่นทิ้งทวนของชายก็ต้องจัดเต็ม​ MINI​ Clubman​ ​ Final​ Edition​ นับได้ว่าเป็นทั้งการแสดงความเคารพและให้เกียรติ​ ต่อ​ “Exceptional​ Gentleman”​ รถต้นแบบสุดคลาสสิกจาก​ ปี​ ค.ศ.1969​ และเป็นการเฉลิมฉลอง​ โดย​ Final​ Edition​ นี้​ ​ ผลิตเพียง​ 1,969​ คันทั่วโลก​ และมีเพียง​ 50​ ท่านในประเทศไทย​ เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้จับจอง​ นอกจากจะมาใน​ 3​ สีพิเศษ​ ได้แก่​ ​ Nanuq​ White​ (สีขาวพิเศษที่​ MINI​ ตั้งใจให้ผู้ที่พบเห็นได้นึกถึง​ ขนสีอ่อนของลูกหมีขาวในแถบขั้วโลกเหนือ​ ด้วยกรรมวิธีลงสีแบบ​ พิเศษ​ โดยคำว่า​ Nanuq​ ในภาษาชาวเอสกิโมนั้นแปลว่าหมีขั้วโลก​ นั่นเอง),​ Melting​ Silver​ III​ และ​ Enigmatic​ Black​ สีดำที่มา​ พร้อมประกายสีน้ำเงินเจิดจ้า​ ยังมีการตกแต่งที่บ่งบอกว่าเป็น​ ​ Final​ Edition​ อย่างชัดเจน​ ด้วยตราสัญลักษณ์ที่ระบุว่าเป็น​ Final​ Edition​ ตามจุดต่างๆ​ เช่น​ ด้านข้างของรถ​ กาบบันได​ ​ บนพวงมาลัยรถที่องศา​ 6​ นาฬิกา​ เบาะที่นั่ง​ พร้อมระบุ​ รุ่น​ “Final​ Edition”​ ด้านท้ายรถ

ไม่เพียงแค่นั้น​ ยังมีตราสัญลักษณ์์ที่ระบุถึงความ​ rare​ ไปอีก​ อย่างตราสัญลักษณ์​ “1​ of​ 1969”​ ที่ ประตูผู้โดยสารหลังคอนโซลด้านหน้าผู้โดยสารข้างคน ขับ​ กาบบันได​ หรือแม้กระทั่งพรม​ ให้รู้ไปเลยว่าผลิตมาแค่​ 1,969​ คันในโลกเท่านั้น!​

ทริมและเส้นสายตกแต่งไล่เฉดรอบคัน​ มาในสี​ ​ Shimmer​ Copper​ หรือสีทองแดงเท็กซ์เจอร์ด้าน​ เพิ่ม​ ความหรูคลาสสิก​ ไปด้วยกันได้ดีกับสี​ Piano​ Black​ ​ ที่กรอบไฟหน้า-ไฟท้าย​ กระจกข้าง​ มือจับประตู​ ปลาย​ ท่อไอเสีย​ หลังคา​ ที่มาพร้อมกับ​ panoramic​ sunroof​ ​ และตัวอักษรคำาว่า​ CLUBMAN​ ด้านหลัง​ ล้อแม็ก​ Final​ ​ Edition​ Spoke​ 2​ ขนาด​ 18​ นิ้ว​ ยังคงเป็นลายเดียวกัน​ กับ​ Untold​ Edition​ สี​ Shimmer​ Copper​ MINI​ badge​ ​ ที่กึ่งกลางของล้อก็ยิ่งพิเศษ​ เพราะเป็นแบบ​ floating​ ​ ซึ่งระหว่างขับขี่เราก็จะสามารถมองเห็นและอ่าน​ MINI​ ​ badge​ ได้เป็นคำาว่า​ MINI​ อยู่เสมอ​ เป็นรุ่นที่บ่งบอก​ แบบตะโกนว่าเป็น​ MINI​ Final​ Edition​ จริงๆ!

งานภายในเน้นสี​ Dark​ Maroon​ ที่อบอุ่น​ ตัดกับ​ ทริมเบาะสี​ Sky​ Blue​ กึ่งเทา​ และปิ๊กสุดเนี้ยบสีทอง​ ​ หรูและลงตัวมากๆ​ ระบบ​ Infotainment​ พร้อมแพ็กเกจ​ ระบบนำทาง​ Connected​ Navigation​ ที่รองรับ​ Apple​ ​ CarPlay​ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่​ และชุดเครื่องเสียง​ Harman​ ​ Kardon​ ก็ให้มาอย่างไม่กั๊ก​ สมกับเป็นรุ่นส่งท้าย​

The​ Gentleman​ รุ่นปิดตำนานนี้มาในราคา​ 3.29​ ​ ล้านบาท​ คุ้มหรือไม่ไม่รู้​ แต่​ Emotion​ มาเต็มแน่นอนค่ะ

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 55 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่