ใครที่มีโทรศัพท์มือถือยุคนี้คงต้องเคยได้ยินคำ ว่า growth mindset (ทัศนคติที่เชื่อว่าคนเราสามารถพัฒนาไปได้อีก) กับคำ ว่า Positive thinking (ทัศนคติคิดบวก) แม้ว่าทัศนคติที่ว่านั้นส่งผลดีต่อชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นักวิทยาศาสตร์กลับค้นพบวิธีที่ง่ายกว่านั้น แถมยังนำมาซึ่งความ สุขชนิดที่ทำให้อารมณ์ดีตลอดวัน เข้ากับคนรอบข้างได้ดีขึ้น และแก้ปัญหานอนหลับยากได้อย่างน่าทึ่ง นั่นคือการมีความรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งรอบตัวในทุกๆ วัน หรือ “ความกตัญญูรู้คุณ” ที่ ปรากฏในคำสอนของศาสนาและหลักปรัชญาทั่วโลกนั่นเอง
ในที่สุด คุณค่าของมันก็ได้รับการพิสูจน์เป็นรูปธรรม เมื่อทีมวิจัยพบว่าสมองของคนที่รู้สึกหรือแสดงออกถึงความกตัญญูนั้นกระตุ้นให้สมองส่วนหน้าเกิดการทำงาน ส่งผลให้มีการปล่อยโดพามีน อันเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้รู้สึกดี ผลสแกนสมองของคนที่มีทัศนคติพื้นฐานดีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่าจะดีหรือร้าย แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรต่อโครงสร้างสมองที่นำ ไปสู่จิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมสู้กับความเครียดและความผิดหวังที่จะเข้ามาในชีวิต โดยวิธีที่คนเหล่านี้ใช้นั้นหลากหลายเช่น การเขียนบันทึก การนั่งเงียบๆ ทบทวนวันที่ผ่านมา หรือการเอ่ยขอบคุณก่อนเข้านอน
รายงานทางการแพทย์ยังพบว่า การฝึกชื่นชมและเห็น คุณค่าในสิ่งที่มีจนเป็นนิสัยนั้น ช่วยรักษาอาการวิตกกังวลและ โรคซึมเศร้าได้ดี จนสามารถลดการใช้ยาได้เลย แถมยังช่วยแก้ ปัญหาโรคนอนไม่หลับได้ อาสาสมัครที่ฝึกการขอบคุณสิ่งรอบข้างในอีกการทดลองยังบอกอีกด้วยว่า ตนเองรู้สึกจิตใจอ่อนโยน มีน้ำใจ นึกถึงผู้อื่นและสังคมมากขึ้น
ใครที่รู้สึกเหนื่อยล้ากับการเฝ้าบอกตัวเองให้คิดบวก เฝ้าจินตนาการว่าต้องมีเรื่องดีๆ เข้ามา ลองหยุดวิธีนั้น และหันมาโฟกัสกับปัจจุบันรอบตัว ซึมซับและมองให้ลึกๆ ดูว่า ชีวิตเรานั้นแท้จริงโชคดีขนาดไหน แม้ท่ามกลางความทุกข์และอุปสรรค ก็ยังมีสิ่งดีที่รอเราอยู่แน่นอน ขอเพียงไม่อยู่เฉยๆ และรักษา กำลังใจให้ดี
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 58 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่
สำหรับลูกค้าในประเทศ
