หลายคนยอมลงทุนจ่ายเงินหลักหมื่นเพื่อซื้อหูฟังตัดเสียงรบกวน จากแรกเริ่มที่เป็นตัวช่วยตัดเสียงรอบข้างเพื่ออรรถรสยามดูหนังฟังเพลง กลายเป็นตัวช่วยสำาคัญสำหรับคนที่ ชอบความสงบ หลายคนใส่หูฟังตัดเสียงเพื่อให้มีสมาธิทำสิ่งที่อยู่ ตรงหน้าได้ดีขึ้น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยิ่งความนิยมของหูฟัง ตัดเสียงเพิ่มขึ้น จำนวนผู้ใช้ที่บ่นเรื่องอาการปวดหัว ปวดหู และ คลื่นไส้ ในกลุ่มคนรักหูฟังตัดเสียงยิ่งเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก
ความเชื่อที่ว่าคลื่นเสียงที่หูฟังผลิตหรือ White Noise นั้น ไปเพิ่มความดันในแก้วหูไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะเหตุผลที่แท้จริงนั้นมาจากการที่ร่างกายไม่ได้ยินเสียงรอบข้างต่างหาก ข้อเท็จจริงนี้ได้ปรากฏในผลการศึกษาก่อนหน้ากว่าสิบปีที่แล้ว และ มีมาเรื่อยๆ แต่กลับไม่ได้รับความใส่ใจ
หนึ่งในผลการศึกษาที่ชัดเจนที่สุดมาจากมหาวิทยาลัยแมกควอรี (Macquarie University) เมื่อทีมนักวิจัยขอให้อาสาสมัคร 17 คนใส่หูฟังตัดเสียงรบกวนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ สิ่งที่ตามมาคือมีอาสาสมัคร 11 คนเกิดโรคเสียงดังในช่องหู ไม่ต่างจากคนที่นั่งอยู่ในห้องที่เงียบสงัดปราศจากเสียงเล็ดลอดจากภายนอกนานๆ นั่นเป็นเพราะว่าสมองของมนุษย์เรานั้นจำเป็นต้องได้ยินเสียงเพื่อตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวได้ถูกต้อง การที่เรากัน “เสียงรบกวน” ออกไป คือการทำลายระบบสมองในส่วนประมวลผลเรื่องเสียง แม้ว่าปัญหานี้จะหายไปเมื่อเลิกใช้ แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถรับรองได้ว่า การใช้สิ่งนี้ติดต่อกันหลายปีแม้จะเพียงช่วงสั้นๆ จะไม่ส่งผลในระยะยาว
เวลาที่ดีที่สุดในการใช้หูฟังตัดเสียง คือ เมื่อต้องไปอยู่ใน ที่ที่เสียงดังจนถึงขีดอันตรายทำให้หูดับ แต่ในชีวิตประจำาวัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการเรียนรู้ที่จะจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า โดย สร้างสมาธิจากภายในตามธรรมชาติคือตัวช่วยที่ดีที่สุด
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 57 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่
สำหรับลูกค้าในประเทศ