โลกในยุคของ 7 รุ่นร่วมสมัย
เมื่อเศรษฐกิจ ต้องหันมามองความสุข
ลองนึกภาพว่า คุณกำลังนั่งอยู่ในคาเฟ่เล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง อากาศยามเช้ากำลังเย็นสบาย กลิ่นหอมของกาแฟร้อนโชยมาเบาๆ ขณะคุณมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นคุณปู่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่มุมหนึ่ง เด็กวัยรุ่นจับกลุ่มหัวเราะกันเสียงดัง นักธุรกิจแต่งตัวเนี้ยบกำลังคุยโทรศัพท์เรื่องงาน และเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากพ่อแม่ของพวกเขา นี่คือลักษณะของโลกในปัจจุบัน ที่ซึ่ง “คนเจ็ดรุ่น” มีชีวิตอยู่ร่วมกันในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ และกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อมองย้อนกลับไป อดีตเป็นยุคที่มีเพียงสามหรือสี่รุ่นที่อยู่ร่วมกัน คนแก่เกษียณ และส่งต่อสังคมให้คนหนุ่มสาว แต่ในปัจจุบัน ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป คนสูงวัยยังคงทำงานต่อไปอีกหลายปี แรงงานรุ่นใหม่ต้องแข่งขัน อย่างหนักเพื่อสร้างตัว ท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น และระบบเศรษฐกิจที่ผันผวน นอกจากนี้เทคโนโลยียังกลายเป็น “เส้นแบ่ง” สำคัญระหว่างคนแต่ละรุ่น คนรุ่นเก่าหลายคนยังคงใช้เงินสดและอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นใหม่เติบโตมากับสมาร์ตโฟนและเศรษฐกิจดิจิทัล การปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับทุกคน ระบบสวัสดิการต้องรับภาระหนักขึ้น รัฐบาลหลายประเทศกำลังเผชิญกับความกดดันทางเศรษฐกิจ จากจำนวนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่กลับรู้สึกว่าชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พวกเขาเผชิญกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่งานหลายประเภท และค่าครองชีพที่สูงเกินกว่าที่จะเริ่มต้นชีวิต ครอบครัวได้ง่ายๆ
ท่ามกลางความท้าทายนี้ มีแนวคิดหนึ่งที่อาจเป็นทางออก นั่นคือ “Happy Economy” หรือ “เศรษฐกิจแห่งความสุข” ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน องค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจรูปแบบนี้คือ การสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว การออกแบบเมืองที่เป็นมิตรกับคนทุกวัย และระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
…
ดูเนื้อหาทั้งหมดโดยการสมัครสมาชิก หรือซื้อที่ Shopee