
หลังจากที่ได้คุยกับคุณนุก ทวิพรรณ ตรีสิริเกษม ทำให้เรา นึกถึงคำากล่าวอันโด่งดังนี้ของจิตรกรชื่อก้องโลกอย่างปาโบล ปีกัสโซ
การเดินทางบนเส้นทางศิลปะของนักธุรกิจหญิงสู่การเป็น ศิลปินเต็มตัวเริ่มต้นขึ้นจาก Solo Trip เมื่อเกือบสองปีก่อน การ ออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเป็นช่วงที่คุณนุกเล่าว่าได้ใช้เวลา อยู่กับตัวเอง ค้นพบตัวตน กลับมาอยู่กับธรรมชาติ ซึมซับบรรยากาศรอบตัว และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เริ่มกลับมาจับพู่กันวาดภาพอีกครั้ง
“ภาพวาดในช่วงแรกจะเป็นแนวอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism)เป็นภาพธรรมชาติ”คุณนุกเล่าว่าส่วนใหญ่จะวาดภาพทะเลคลื่นต้นไม้ หรือภูเขา ในการเดินทางแต่ละครั้ง จะมีสมุดสเกตช์ภาพกับชุดสีเล็กๆติดตัวไว้สเกตช์ภาพที่ประทับใจไม่ว่าจะอยู่ที่ชายหาดริมทะเลบนรถบัสหรือใกล้ภูเขา จะจดจำาบรรยากาศสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึก ณ ขณะนั้น แม้กระทั่งกลิ่นของทะเลหรือป่าบางครั้งในการนั่งอยู่คนเดียวเป็นชั่วโมงๆประสบการณ์และความรู้สึกเหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้ในความทรงจำหรือภาพถ่ายก่อนจะนำมาถ่ายทอดลงบนเฟรมใหญ่ด้วยสีน้ำมันโดยกลับมาวาดที่บ้านซึ่งใช้เป็นโฮมสตูดิโอส่วนตัว
เราได้มีโอกาสมาพูดคุยกับคุณนุกที่บ้าน บ้านคุณนุกสังเกตได้ไม่ยากเลย เพราะเราจะเห็นผลงานต่างๆ ได้ตั้งแต่โรงจอดรถ บันไดโถงรับแขก ห้องนั่งเล่น บนโต๊ะ ตู้ ผนังทุกมุมของบ้าน ฯลฯ ละลานตาไปด้วยสี ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาเยือนแกลเลอรีย่อมๆ รายล้อมด้วยสีสันในทุกเวลาของการใช้ชีวิต สังเกตได้ว่าการเลือกใช้สีที่มองแล้วอิ่มตาและมีชีวิตชีวา เป็นจุดดึงดูดสายตาที่ทำาให้ภาพวาดของคุณนุกน่าสนใจและมีพลัง น้อยมากที่จะเห็นภาพที่ดูหม่นหมอง แม้จะเป็นภาพขาวดำก็ตาม มีภาพหนึ่งคุณนุกเล่าว่าวาดช่วงที่ป่วย โดยใช้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งนอกจากใช้มือแล้วก็ยังใช้ตัวกลิ้งไปบนเฟรมด้วย ภาพนั้นใช้สีเข้มเป็นหลักอย่างน้ำเงินและสีดำ แต่แปลกที่เมื่อมองดูแล้วกลับไม่ทำให้รู้สึกหดหู่เลย.. “ใช่ค่ะ เพราะนุกมี Hope อยู่เสมอ” นั่นคือคำาตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มเมื่อเราตั้งข้อสังเกตนี้ในบทสนทนา และนั่นคงเป็นเสน่ห์ของผลงานแต่ละชิ้น ที่เป็นสิ่งที่คุณนุกอยากถ่ายทอด นอกจากความสวยงาม ยังเต็มไปด้วยพลังงานดีๆ ที่ส่งออกมาจากภาพ เราบอกได้เลยว่าถ้านำภาพผลงานทั้งหมด มาเรียงโชว์ให้เห็น จะเต็มไปด้วยสีสันที่เติมเต็มพลังและความสดใสให้กับพื้นที่นั้นได้จริงๆ
ถึงจะเคยวาดภาพเป็นงานอดิเรกสมัยเป็นเด็ก และไม่เคยเรียนศิลปะอย่างจริงจังมาก่อน มีเพียงลงเรียนคอร์สพื้นฐานสั้นๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อจำกัดในการสร้างสรรค์ผลงาน แม้กระทั่งภาพแรกที่เริ่มวาด คุณนุกก็ไม่มีความกลัวว่าจะไม่สวย กลัวว่าจะไม่เหมือน ภาพต้นฉบับ เหมือนที่เราหรืออีกหลายคนอาจจะเป็นเลย ทริปต่างๆ ที่เดินทางไปท่องเที่ยวและวาดภาพจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนคุณนุกได้ค้นพบสไตล์ภาพของตนเองในแนว Abstract ภาพทะเล ภูเขา ท้องฟ้า ต้นไม้ แสงแดดที่สาดส่อง โดยจะถูกถ่ายทอดออกมาในสไตล์ Abstract ที่ยังคงคอนเซปต์ของการบันทึกความงดงามของธรรมชาติ ผลงานภาพวาดเหล่านี้ไม่ต่างกับบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละทริป และในขณะเดียวกันก็เป็นการเดินทางค้นหาและค้นพบตัวตนผ่านภาพที่วาดออกมาด้วยเช่นกัน
หนึ่งในภาพที่คุณนุก (และเราด้วย) ชอบที่สุดแขวน โชว์อยู่บนผนังบ้านที่เป็นอาร์ตแกลเลอรีขนาดย่อมๆ เป็น ภาพป่าที่มองในมุมเงยหน้าขึ้นบนฟ้าแล้วมีแสงแดดส่อง ลงมา ด้วยการใช้สีสดใสที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ นอกจาก จะเป็นภาพที่เก๋และมีสไตล์ ยังมีความหมายที่เปรียบได้ กับแสงแห่งความหวัง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกหมดพลัง การเงยหน้ามองขึ้นฟ้ามักเป็นสิ่งที่หลายคนทำา ราวกับให้ พลังธรรมชาติเยียวยา ก่อนจะบอกให้เราเงยหน้าแล้วเดิน ต่อ และเชื่อมั้ยว่ามันได้ผลดีจริงๆ

อีกภาพที่เรารู้สึกว่ามีพลังและเหมือนภาพวาดที่มีชีวิต เป็นภาพ ทะเลกำาลังมีคลื่นลม น้ำทะเลที่สาดกระเซ็นบนผืนผ้าใบบนพื้นหลังสีเหลืองให้ความรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวเหมือนกับท้องทะเลที่ไม่หยุดนิ่งตลอดเวลา
หากมีเวลาได้เดินชมแล้วฟังเรื่องราวของแต่ละภาพจะยิ่งเข้าใจมุม มอง และอาจเกิดแรงบันดาลใจ ปลุกไฟความเป็นศิลปินในตัวของคุณ ขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้ ใครสนใจชมผลงานภาพวาดแบบเต็มอิ่ม ตามไป ชมได้ที่นิทรรศการที่คุณนุกจะจัดแสดงภาพครั้งแรกที่ Sriwiang Gallery ย่านสีลม ช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ฉบับที่ 57 สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่
สำหรับลูกค้าในประเทศ